ตลาดซื้อขายสินค้าโภคภัณฑ์นานาชาติ นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา เปิดเผยว่าเมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2025 สัญญาซื้อขายราคาเมล็ดกาแฟล่วงหน้า หรือ Futures สายพันธุ์อราบิก้า ซึ่งผลิตในละตินอเมริกา มีราคาพุ่งขึ้นแตะสูงสุดระหว่างวันเป็นประวัติศาสตร์ที่ระดับ 4.2410 ดอลลาร์สหรัฐต่อปอนด์ ก่อนจะอ่อนลงมาปิดที่ระดับ 4.211 ดอลลาร์สหรัฐต่อปอนด์ ทำสถิติราคาปิดสูงสุดเป็นประวัติศาสตร์ครั้งใหม่ ซึ่งนับเป็นครั้งที่ 13 ต่อเนื่อง
สอดคล้องกับสัญญาซื้อขายราคาเมล็ดกาแฟส่งมอบทันที หรือ Spot สายพันธุ์อราบิก้า ปิดที่ระดับ 4.3195 ดอลลาร์สหรัฐต่อปอนด์ ทำสถิติราคาปิดสูงสุดเป็นประวัติศาสตร์ครั้งใหม่ด้วย ที่สำคัญ นับตั้งแต่ต้นปีมาถึงวันนี้ หรือราว 6 สัปดาห์ มีราคาพุ่งทะยานถึง 30% หรือคิดเป็น 1 ใน 2 หรือ 50% ของราคาในปี 2024 ที่พุ่งสูงถึง 70%
สาเหตุจากประเทศบราซิลส่งส่งทำการขายเมล็ดกาแฟมากถึง 70-80% ของรอบการปลูกเมล็ดกาแฟในปัจจุบัน ในขณะที่ความต้องการการบริโภคมีเพิ่มสูงต่อเนื่อง ท่ามกลางบราซิลเป็นประเทศผลิตเมล็ดกาแฟสายพันธุ์อราบิก้าถึงครึ่งหนึ่งของปริมาณการผลิตทั่วโลก ขณะที่ประเทศเวียดนามซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ผลิตเมล็ดกาแฟอันดับต้นๆ ของโลก เปิดเผยว่า มีการขายเมล็ดกาแฟสายพันธุ์โรบัสต้าในปริมาณที่ลดลงจากผลกระทบของสภาวะอากาศที่ทำให้ผลผลิตลดต่ำลง สอดรับกับประเทศอินเดีย ซึ่งเป็นประเทศผู้ผลิตกาแฟสายพันธุ์เดียวกันที่มีขนาดใหญ่อันดับ 5 ของโลก ปรากฏว่าการส่งออกจากอินเดียจะลดต่ำลงราว 10% ในปี 2025 นี้ เนื่องจากผลผลิตกาแฟพันธุ์โรบัสต้าในอินเดียลดน้อยลง
เมื่อวันที่ 31 มกราคมผ่านมา ราคาสัญญาซื้อขายราคาเมล็ดกาแฟล่วงหน้า หรือ Futures สายพันธุ์โรบัสต้าพุ่งขึ้นแตะสูงสุดที่ระดับ 5,840 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน ส่งผลทำสถิติราคาสูงสุดเป็นประวัติศาสตร์ใหม่ หลังจากที่ก่อนหน้านีในเดือนธันวาคม 2024 มีราคาปิดสูงสุดในรอบ 47 ปีหรือนับตั้งแต่ปี 1977 ก่อนที่ราคาจะปิดลดลงมาแตะที่ระดับ 5,377 ดอลลาร์สหรัฐต่อปอนด์ หรือลดลง -2.7% เมื่อวันศุกร์ที่ 29 พฤศจิกายน 2024
ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 30 มกราคม 2025 ผ่านมา ตลาดซื้อขายสินค้าโภคภัณฑ์นานาชาติกรุงลอนดอนประเทศอังกฤษหรือไอซีอี เปิดเผยว่าเมื่อวันที่ 30 มกราคม 2025 สัญญาซื้อขายราคาเมล็ดกาแฟล่วงหน้า หรือ Futures สายพันธุ์อราบิก้า ซึ่งผลิตในละตินอเมริกา มีราคาพุ่งขึ้นแตะสูงสุดที่ระดับ 3.6945 ดอลลาร์สหรัฐต่อปอนด์ ส่งผลทำสถิติราคาสูงสุดเป็นประวัติศาสตร์ครั้งใหม่เป็นวันที่ 2 ติดต่อกัน นอกจากนี้ยังมีราคาพุ่งทะยานขึ้นจากต้นปีนี้ถึง 15% แล้ว
ในเดือนธันวาคมปีที่แล้วราคาเมล็ดกาแฟล่วงหน้าสายพันธุ์อราบิก้ามีราคาปิดสูงสุดในรอบ 43 ปีหรือนับตั้งแต่ปี 1977 เป็นต้นมา ธนาคารโลก เปิดเผยว่า ในเดือนธันวาคม 2024 ราคาเมล็ดกาแฟล่วงหน้าสายพันธุ์อราบิก้าพุ่งขึ้น 13% ส่งผลให้ราคาเม็ดกาแฟพันธุ์ดังกล่าวทะยานถึง 60% เมื่อเทียบจากปี 2023
สาเหตุจากความต้องการบริโภคกาแฟในตลาดโลกยังคงมีมากกว่าปริมาณการผลิตกาแฟที่ได้รับผลกระทบจากสภาวะภูมิอากาศที่ย่ำแย่ในภูมิภาคละตินอเมริกา เช่น บราซิลที่เป็นผู้ผลิตเมล็ดกาแฟใหญ่ที่สุดในโลก และโคลอมเบียต่อเนื่องมาถึงปีนี้ ท่ามกลางราคาเมล็ดกาแฟในตลาดโลกเพิ่มขึ้นตั้งแต่ปี 2011 เป็นต้นมา ใน 11 เดือนแรกของปี 2024 สหรัฐอเมริกาต้องนำเข้าเมล็ดกาแฟจากทั่วโลกมากถึงเกือบ 9,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 306,000 ล้านบาท สหรัฐอเมริกานำเข้าเมล็ดกาแฟจากประเทศโคลอมเบีย ซึ่งใหญ่เป็นอันดับ 2 ของสหรัฐอเมริกามีมูลค่า 1,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 47,600 ล้านบาทใน 11 เดือนแรกของปีผ่านไป
สาเหตุจากชาวไร่ในอุตสาหกรรมสวนกาแฟที่ประเทศบราซิลชะลอการส่งมอบเมล็ดกาแฟสายพันธุ์อราบิก้าในฤดูกาลเก็บเกี่ยวช่วงสิ้นปีนี้ ด้วยความหวังว่าราคาเมล็ดกาแฟมีความเป็นไปได้สูงที่จะถีบตัวสูงขึ้นมากกว่าในปัจจุบันอีก ส่งผลให้ในขณะนี้เกิดภาวะขาดแคลนเมล็ดกาแฟในช่วงระยะสั้น ในขณะเดียวกันทำให้บรรดานายหน้าซื้อขายเมล็ดกาแฟต้องขาดทุนเป็นจำนวนมาก เนื่องจากคาดว่าจะได้รับการส่งมอบกาแฟพันธุ์ดังกล่าวตามเวลากำหนด
นอกจากนี้มีการประเมินว่าในปี 2025 การฟื้นตัวของผลผลิตเมล็ดกาแฟพันธุ์อราบิก้าในประเทศบราซิล อาจจะเผชิญกับอุปสรรคและข้อจำกัดหลายอย่างเนื่องจากภาวะโลกร้อน ที่ส่งผลกระทบต่อผลผลิตในปีนี้ ในปัจจุบัน ราคาเมล็ดกาแฟสายพันธุ์อราบิก้าพุ่งทะยานขึ้นถึง 71% นับตั้งแต่ต้นปีผ่านมา สอดคล้องกับราคาเมล็ดโกโก้ซึ่งมีราคาถีบตัวสูงขึ้นมากกว่า 2 เท่าในปีนี้เช่นกัน
ปัจจัยของวัตถุดิบเมล็ดกาแฟในในปี 2024 ที่มีราคาเพิ่มสูงขึ้น มาจากบราซิลและเวียดนาม ซึ่งเป็นประเทศผู้ปลูกกาแฟรายใหญ่ของโลก ต้องเผชิญกับสภาพอากาศที่เลวร้าย ส่งผลต่อการผลิตเมล็ดกาแฟไม่เพียงพอต่อความต้องการในตลาด ขณะนี้ ราคาซื้อขายล่วงหน้าเมล็ดกาแฟพันธุ์อราบิก้ามีราคาเพิ่มขึ้นแลถึง 50% สอดคล้องกับราคาซื้อขายล่วงหน้าเมล็ดกาแฟโรบัสต้าที่เพิ่มขึ้นถึง 65%