นักท่องเที่ยวชาวจีนกลายนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางท่องเที่ยวเข้ามาในประเทศเวียดนามมากที่สุดเป็นอันดับ 1 มีจำนวนมากกว่า 3.5 ล้านคนในช่วง 8 เดือนแรกของปี 2025 นี้ ทำให้เวียดนามกลายเป็นประเทศจุดหมายปลายทางท่องเที่ยวอันดับ 1 ของชาวจีนแทนประเทศไทย สะท้อนถึงเวียดนามสามารถแข่งขันแซงประเทศไทยในด้านการดึงดูดชาวจีนไปท่องเที่ยวเป็นผลสำเร็จ
สาเหตุของปัจจัยลบที่ทำให้ชาวจีนเปลี่ยนใจไปท่องเที่ยวเวียดนามมากกว่าไทยมาจากปัญหาของภาพลักษณ์ความไม่ปลอดภัยของชาวจีนเมื่อเดินทางมาเที่ยวประเทศไทยกับเหตุการณ์ลักพาตัวหวังซิงซิงจากไทยไปเมียนมาถึงแม้ว่าจะได้รับการช่วยเหลือปลอดภัยกลับมาได้ และความกังวลของชาวจีนที่มีต่อเครือข่ายฉ้อโกงออนไลน์
ด้านประธานสมาคมโรงแรมไทย หรือทีเอชเอ เปิดเผยว่า นักท่องเที่ยวชาวจีนหน้าใหม่ซึ่งไม่เคยเดินทางมาท่องเที่ยวอย่างประเทศไทยมีความรู้สึกกลัว เกี่ยวกับความปลอดภัยในประเทศไทย ต้องยอมรับว่าประเทศไทย มีความอ่อนแอในการแจ้งข่าวสาร หรือประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับมาตรการรัฐบาลไทยในการกวาดล้าง ศูนย์หลอกลวงหรือฉ้อโกงออนไลน์ รวมถึงการส่งเสริมประชาสัมพันธ์ความปลอดภัยด้านการท่องเที่ยวในประเทศไทย นอกจากนี้ ประเทศไทยยังสูญเสียชื่อเสียงในแง่การท่องเที่ยวที่คุ้มค่า สะท้อนได้จากนักท่องเที่ยวชาวจีนแผ่นดินใหญ่มักที่จะแสดงความคิดเห็นและส่งต่อข้อความบนสื่อโซเชียลว่า การปรับขึ้นราคาค่าที่พักโรงแรม ค่าอาหาร ค่ารถสาธารณะสูงขึ้น
เวียดนามดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติมากถึง 14 ล้านคนในช่วง 8 เดือนแรกของปี 2025 นี้ ที่น่าสนใจ คือ จำนวนนักท่องเที่ยวชาวจีนคิดเป็นมากถึง 44% เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบช่วงเดียวกันในปี 2024 ประเทศมาเลเซียดึงดูดนักท่องเที่ยวชาวจีนมาเที่ยวพุ่งขึ้น 35% ทำให้สัดส่วนที่นั่งโดยสารของสายการบินจากจีนเพิ่มขึ้นเกือบ 50% ในทางตรงกันข้าม ประเทศไทยมีจำนวนนักท่องเที่ยวชาวจีนหดหายถึงติดลบมากถึง -35% เมื่อเทียบในช่วงเวลาเดียวกัน
จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางท่องเที่ยวในเวียดนามระหว่างมกราคมถึงสิงหาคม รวม 8 เดือนแรกในปี 2025 มีดังนี้ 1.เวียดนาม 3,532,338 คน 2.เกาหลีใต้ 2,909,210 คน 3.ไต้หวัน 839,182 คน 4.สหรัฐอเมริกา 572,807 คน 5.ญี่ปุ่น 539,686 คน 6.กัมพูชา 444,633 คน 7.อินเดีย 443,648 คน 8.รัสเซีย 376,672 คน และ 9.ออสเตรเลีย 357,979 คน
ซุบรามาเนีย พัทท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร หรือซีอีโอ ไชน่า เทรดดิ้ง เดสค์ ซึ่งเป็นธุรกิจเอเจนซี่ทัวร์ในประเทศจีนชื่อดังแห่งหนึ่ง เปิดเผยว่า จากการติดตามพฤติกรรมการท่องเที่ยวและการใช้จ่ายเงินผ่านบัตรเครดิตของนักท่องเที่ยวชาวจีน พบว่า ชาวจีนไม่มาเที่ยวประเทศไทยแต่เลือกไปเที่ยวเวียดนามแทน ส่งผลให้รายได้การท่องเที่ยวจากชาวจีนมูลค่า 3,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 112,000 ล้านบาทหายจากไทยไปเพิ่มให้กับประเทศเวียดนาม และประเทศเพื่อนบ้านแทน
ปัจจัยมาจากคลื่นจำนวนนักท่องเที่ยวชาวจีนรุ่นใหม่ที่มีความเป็นอิสระ สะท้อนการเปลี่ยนแปลงความชื่นชอบในการท่องเที่ยวไปจากคนจีนรุ่นก่อนอย่างสิ้นเชิง เวียดนามนำเสนอสิ่งที่สดใหม่ด้านแหล่งท่องเที่ยว มีความแท้จริงมากกว่า
เซอร์เลียม ไฟลท์ อนาลิติก เปิดเผยว่า ใน 8 เดือนแรกของปี 2025 นี้ จำนวนที่นั่งผู้โดยสารสำหรับตั๋วเครื่องบินเดินทางขาไปเพียงขาเดียว จากประเทศจีนไปยังประเทศไทยลดขายไปถึง -11% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปี 2024 ที่ผ่านมา โดยมีจำนวนเหลือเพียง 5.1 ล้านที่นั่ง
ฮาวา ทราเวิล ซึ่งเป็นธุรกิจให้บริการนำเที่ยวหรือทำทัวร์ โดยเฉพาะตลาดท่องเที่ยวในเมืองที่มีชายหาดสวยงามและมีชื่อเสียงโด่งดังในประเทศเวียดนามเช่นเมืองดานัง เปิดเผยว่า ในเดือนสิงหาคมเพียงเดือนเดียวต้องให้บริการนักท่องเที่ยวเป็นจำนวนมากถึง 2,000 คน เพิ่มขึ้นถึง 20% เมื่อเทียบตั้งแต่ต้นปี 2025 นี้ ที่น่าสนใจคือนักท่องเที่ยวชาวจีนกล้าที่จะใช้จ่ายโดยเฉพาะบริการท่องเที่ยวที่มีราคาแพง สอดคล้องกับนายหลวง ฟู่ไฮ่ ผู้อำนวยการฝ่ายขาย และการตลาด กลุ่มโรงแรมเชนแอคคอร์ เอส เอ เปิดเผยว่า โรงแรมเมอร์เคียว ซึ่งตั้งอยู่ในเมืองท่องเที่ยวชื่อดังอย่างเมืองนาตรัง ประเทศเวียดนาม พบว่าเกือบครึ่งหนึ่งของจำนวนห้องทั้งหมดที่อยู่ในโรงแรมถูกจองโดยนักท่องเที่ยวชาวจีนอย่างสม่ำเสมอ
ซีอีโอ ไชน่า เทรดดิ้ง เดสค์ เปิดเผยต่อไปว่า นักท่องเที่ยวชาวจีนมากกว่า 40% ขึ้นไปล้วนเป็นนักท่องเที่ยวชาวจีนหน้าใหม่เดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศ ซึ่งมีพฤติกรรมรักความเป็นอิสระ มีการศึกษา และมองหาการได้ประสบการณ์การท่องเที่ยวอย่างแท้จริง นักท่องเที่ยวหน้าใหม่กลุ่มนี้ต้องการที่จะถูกยัดเยียดขึ้นรถโค้ชนำเที่ยว ถูกบังคับให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวทาง ถูกพาไปยังโรงแรมหรือรีสอร์ท หรือแม้แต่ถูกพาไปยังร้านค้าปลีก ซึ่งมีการขายสินค้าหรือตกแต่งในรูปแบบสไตล์จีนมากๆ
นายชาฮารุดดิน ซาอิด กรรมการอำนวยการ สมาคมเจ้าของและผู้ประกอบการโรงแรมแห่งประเทศมาเลเซียหรือ MAHO เปิดเผยว่า รัฐบาลมาเลเซียใช้นโยบายวีซ่าฟรีให้กับนักท่องเที่ยวชาวจีนซึ่งแตกต่างกับประเทศไทยที่ได้ใช้มาตรการดังกล่าว แต่ความได้เปรียบอยู่ตรงที่ค่าเงินริงกิตมาเลเซียอ่อนค่าลง ในขณะที่ค่าเงินบาทของประเทศไทยกับทะยานแข็งค่าขึ้นอย่างรวดเร็ว และแข็งค่ามากที่สุดเป็นอันดับหนึ่งในประเทศอาเซียน ส่งผลให้นักท่องเที่ยวชาวจีนเลือกที่จะเดินทางไปยังประเทศมาเลเซียซึ่งมีค่าใช้จ่ายด้านการท่องเที่ยวถูกกว่ามากเมื่อเทียบกับการเดินทางมายังประเทศไทย จนถึงปัจจุบัน ในช่วงเวลากว่า 8 เดือนแรกของปี 2025 บรรดาโรงแรมที่เป็นสมาชิกของสมาคมรวมรายการตรงกันว่ามีความต้องการเข้าพักเติบโตอย่างแข็งแกร่ง และมีอัตราการเข้าพักโรงแรมสูงขึ้นอย่างมาก ซึ่งมากกว่าตลอดทั้งปี 2024
ทั้งนี้รัฐบาลเวียดนามคาดการณ์ว่าจำนวนนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เดินทางท่องเที่ยวเข้าประเทศเวียดนามในปี 2025 จะมีจำนวนมากถึง 22.6 ล้านคนทำสถิติมากที่สุดเป็นสวัสดิการ กลับจากในปี 2019 เวียดนามดึงดูดนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเข้ามาได้เป็นจำนวน 18 ล้านคน
