รัฐมนตรีกระทรวงการค้าและอุตสาหกรรม ประเทศสิงคโปร์ เปิดเผยว่า อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ หรือจีดีพีไตรมาสที่ 3 เติบโตแตะ 4.1% ซึ่งไม่เพียงขยายตัวเพิ่มสูงมากขึ้นจากไตรมาสที่ 2 ถึง 2.1% มาแตะที่ระดับ 2.9% แต่ยังขยายตัวสูงมากกว่าที่ทุกฝ่ายคาดการณ์ไว้ว่าในไตรมาสที่ 3 จะขยายตัวที่ระดับ 3.8% อีกด้วย สาเหตุจากเศรษฐกิจขยายตัวเพิ่มขึ้นในทุกกลุ่มโดยเฉพาะภาคการผลิตอุตสาหกรรมที่เติบโตมากถึง 7.5% เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 3 ในปีผ่านมา ที่สำคัญ ยังขยายตัวสูงขึ้นจากในไตรมาสที่ 2 ที่ชะลอตัวลง -1.1%
นอกเหนือจากสิงคโปร์ประกาศตัวเลขจีดีพีไตรมาสที่ 3 ปี 2024 ในเช้าวันนี้แล้ว เมื่อวันที่ 6 ตุลาคมผ่านมา สำนักงานสถิติแห่งชาติประเทศเวียดนามเปิดเผยว่าอัตราการขยายตัวทางสถิติหรือจีดีพีไตรมาสที่สามขยายตัวสูงถึง 7.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีที่ผ่านมาส่งผลทำสถิติเศรษฐกิจเวียดนามขยายตัวสูงที่สุดในรอบ 2 ปีหรือนับตั้งแต่ต้นปีปี 2022 เป็นต้นมา ซึ่งเคยขยายตัวสูงถึง 7.99% และยังเป็นการขยายตัวต่อเนื่องจากไตรมาสที่ 2 ที่มีจีดีพีขยายตัวสูงถึง 6.93%
นอกจากนี้ อัตราการขยายตัวดังกล่าวยังสูงกว่าการคาดการณ์ของนักเศรษฐศาสตร์และนักวิเคราะห์ทุกสถาบัน ที่คาดการณ์ว่าจะขยายตัว 6.1% ที่น่าสนใจคือ การขยายตัวเศรษฐกิจไตรมาสที่ 3 ของเวียดนามไม่ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงตามที่คาดการณ์ไว้จากพายุไต้ฝุ่นยางิที่รุนแรงที่สุดในรอบ 70 ปีของเวียดนาม และเป็นพายุไต้ฝุ่นที่มีขนาดรุนแรงที่สุดในประเทศเอเชียในปีนี้ ซึ่งเข้าถล่มเมื่อช่วงเดือนสุดท้ายของไตรมาสที่ 3 ส่งผลให้เกิดมีการสูญเสียชีวิตและความเสียหายทางเศรษฐกิจจำนวนไม่น้อย
เศรษฐกิจเวียดนามขยายตัวในไตรมาสที่ 1 ที่ 5.60% และในไตรมาสที่ 2 ขยายตัว 6.93% ขณะที่ไตรมาสที่ 3 ซึ่งประกาศในวันนี้ได้ขยายตัวได้สูงถึง 7.4% นั่นมีความเป็นไปได้สูงว่าเศรษฐกิจประเทศเวียดนามที่ขยายตัวในไตรมาสที่ 3 จะเป็นประเทศที่มีการเติบโตทางเศรษฐกิจสูงที่สุดในไตรมาสที่ 3 ภูมิภาคอาเซียนด้วย
ย้อนกลับไปในไตรมาสที่ 2 ปีนี้ แต่ละประเทศชั้นนำทั้ง 6 ประเทศในอาเซียน มีเศรษฐกิจขยายตัว ดังนี้ 1.เวียดนาม +6.93% 2.ฟิลิปปินส์ +6.30% 3.มาเลเซีย +5.90% 4.อินโดนีเซีย +5.05% 5.สิงคโปร์ +2.90% และสุดท้าย 6. ไทย +2.30%
สำหรับในไตรมาสที่ 1 ปีนี้ เศรษฐกิจทั้ง 6 ประเทศชั้นนำอาเซียน มีการเติบโต ดังนี้ 1.ฟิลิปปินส์ +5.70% 2.เวียดนาม +5.60% 3.อินโดนีเซีย +5.11% 4.มาเลเซีย +4.20% 5.สิงคโปร์ +2.70% และสุดท้าย 6. ไทย +1.50%