KKP Research โดยกลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร ดร.พิพัฒน์ เหลืองนฤมิต ชัย หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ และ นายลัทธกิตติ์ ลาภอุดมการ นักเศรษฐศาสตร์ บรรยายพิเศษหัวข้อ “ยุคอุตสาหกรรมถดถอย (Deindustrialization)”: ธงแดงที่เศรษฐกิจไทยต้องเตรียมรับมือ ภาคอุตสาหกรรมไทยอาจหดตัวในระยะยาว พบว่าตั้งแต่หลังวิกฤตโควิด-19 เศรษฐกิจของประเทศกำลังพัฒนาเติบโตช้าลง และคาดว่าจะโตช้าลงอีกเมื่อเทียบกับในอดีตและเทียบกับประเทศที่พัฒนาแล้ว สาเหตุที่ทำให้การหดตัวของภาค อุตสาหกรรมไทยเร่งตัวขึ้น เกิดจาก 2 แนวโน้มสำคัญของโครงสร้างเศรษฐกิจโลก ได้แก่ 1) โลกาภิวัตน์ย้อนกลับ (Deglobalization) และการแข่งขันที่เพิ่มขึ้นจากจีน และ 2) การเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีครั้งสำคัญกำลังกดดันภาค อุตสาหกรรมไทยมากขึ้น โครงสร้างการผลิตไทยมีความเปราะบางกับการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีโลกค่อนข้างมาก
เมื่อภาคอุตสาหกรรมไทยไม่สามารถดูดซับแรงงานหรือยกระดับรายได้อย่างในอดีตอีกต่อไป โครงสร้างของเศรษฐกิจไทยจะเปลี่ยนไปอย่างไร? หรือทางออกของเศรษฐกิจไทยอาจจะไม่ต้องพึ่งพาภาคอุตสาหกรรมอีกต่อไปแล้ว?
โครงสร้างเศรษฐกิจไทยได้ทยอยเปลี่ยนแปลงมาระยะหนึ่งแล้ว โดยเห็นการเปลี่ยนแปลงผ่านทั้งการหดตัวลงของภาคการผลิตและการขยายตัวของภาคบริการจากภาคการท่องเที่ยว ความสำคัญที่มากขึ้นของภาคบริการมาทดแทนภาคอุตสาหกรรมเห็นได้ชัด
การพึ่งพาการท่องเที่ยวเพียงอย่างเดียวเพื่อทดแทนภาคอุตสาหกรรมอาจไม่ตอบโจทย์ในระยะยาว จากหลายเหตุผล เพราะการแข่งกันดึงดูดนักท่องเที่ยวในช่วงเวลาที่เศรษฐกิจโลกอ่อนแอลงของทุกประเทศ โดยมีจีนเป็นหนึ่งในผู้เล่นสำคัญด้วยมาตรการฟรีวีซ่าของจีนไปยังนักท่องเที่ยวทั่วโลก ส่งผลให้ล่าสุดคนไทยในปี 2024 หันไปเที่ยวจีนมากขึ้นประมาณ 3 เท่าเทียบกับช่วงก่อนโควิด-19 จากประมาณ 5 แสนคนต่อปี เป็นมากกว่า 2 ล้านคนในปีที่ผ่านมาและคาดว่าในปีนี้จะแตะถึง 3 ล้านคนในปีนี้ ขณะเดียวกัน นักท่องเที่ยวจีนกลับมาเที่ยวไทยลดลงอย่างมีนัยวสำคัญเหลือเพียง 40% ของช่วงก่อนโควิด-19 เท่านั้นในปี 2025แนวโน้ม
KKP Research ประเมินว่าสถานการณ์ปัจจุบันไทยยังไม่พร้อมในการทิ้งให้ภาคอุตสาหกรรมหายไป ทันที่จากหลายเหตุผล คือ
1) ภาคบริการที่ไทยพึ่งพาแทนภาคอุตสาหกรรมเป็นบริการมูลค่าเพิ่มต่ำ โดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยว ปกติมักมีระดับรายได้ต่อหัวเฉลี่ยที่ต่ำกว่าภาคอุตสาหกรรมและลักษณะของภาคบริการเป็นภาคบริการที่ให้บริการเฉพาะในประเทศและไม่สามารถส่งออกหรือขยายกิจการให้มีขนาดใหญ่ขึ้นได้แบบการส่งออกสินค้า โดยจะพบว่าภาคบริการส่วนใหญ่ในไทยเป็นบริการแบบเก่าต่างจากบริการในประเทศพัฒนาแล้ว
2) ภาคบริการโดยปกติมีการเติบโตของผลิตภาพที่ต่ำกว่าภาคการผลิต เนื่องจากภาคบริการส่วนใหญ่เป็น Non-tradable goods และไม่มีแรงกดดันในการแข่งขันจากต่างประเทศ ทำให้ความจำเป็นในการพัฒนาผลิตภาพมีไม่มาก
3) ไทยขาดแรงงานทักษะสูงที่พร้อมต่อการเปลี่ยนผ่านเศรษฐกิจสู่ภาคบริการมูลค่าเพิ่มสูง แม้ว่าภาคบริการหลายกลุ่มในสมัยใหม่จะมีลักษณะที่สามารถเติบโตและส่งออกไป ยังต่างประเทศได้ เช่น การให้บริการทางการเงิน การให้บริการด้านคำแนะนำทางกฎหมาย แต่ประเทศไทยไม่มีความพร้อมทั้งแรงงานทักษะสูงที่อยู่ในระดับต่ำ และความสามารถในการดึงดูดแรงงานทักษะสูงที่ไม่สามารถแข่งขันกับต่างประเทศได้