วันนี้ (18 ส.ค.) นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือสภาพัฒน์ เปิดเผยตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาสที่ 2/2568 โดยเศรษฐกิจไทยในไตรมาสที่ 2 ขยายตัวได้ 2.8% ชะลอลงจากการขยายตัวร้อยละ 3.2 ในไตรมาส 1/2568 ซึ่งปัจจัยหลักมาจาก การชะลอตัวของการผลิตภาคนอกเกษตร โดยเฉพาะกลุ่มบริการที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยว ขณะที่การผลิตภาคเกษตรขยายตัวต่อเนื่อง สำหรับด้านการใช้จ่าย การอุปโภคบริโภคขั้นสุดท้ายของเอกชน และการใช้จ่ายเพื่อการอุปโภคขั้นสุดท้ายของรัฐบาลชะลอตัวลง การส่งออกสินค้า และบริการขยายตัวต่อเนื่อง ขณะที่การสะสมทุนถาวรเบื้องต้น และการนำเข้าสินค้าและบริการเร่งตัวขึ้น รวมครึ่งปีแรก ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ ขยายตัวร้อยละ 3.0
โดยภาคเกษตร ขยายตัวร้อยละ 6.0 ต่อเนื่องจากไตรมาสก่อนหน้า ตามการขยายตัวของผลผลิตผลไม้ ผลผลิตข้าวเปลือกและประมง ปรับตัวดีขึ้น ขณะที่ผลผลิตมันสำปะหลัง อ้อย ยางพารา และผักลดลง ภาคนอกเกษตร ขยายตัวร้อยละ 2.5 ชะลอลงจากการขยายตัว ร้อยละ 2.9 ไตรมาสก่อนหน้า ประกอบด้วยกลุ่มอุตสาหกรรมการผลิต ขยายตัว ร้อยละ 0.8 โดยสาขาการผลิตสินค้าอุตสาหกรรมขยายตัวร้อยละ 1.7 เร่งขึ้น จากร้อยละ 0.9 ในไตรมาสก่อนหน้า สาขาไฟฟ้า ก๊าซ ไอน้ำและ ระบบการปรับอากาศปรับตัวดีขึ้น สาขาการทำเหมืองแร่และ เหมืองหินชะลอลง ขณะที่สาขาการจัดหาน้ำการจัดการน้ำเสีย และของเสียฯ ลดลง
กลุ่มบริการ ขยายตัวร้อยละ 3.5 ชะลอลงจากการ ขยายตัวร้อยละ 4.1 ในไตรมาสก่อนหน้า เป็นผลจากสาขา ที่พักแรมและบริการด้านอาหาร สาขาการขนส่งและสถานที่เก็บ สินค้า และสาขาการก่อสร้างชะลอลง ขณะที่สาขาการขายส่งและ การขายปลีกฯ สาขาข้อมูลข่าวสารและการสื่อสาร และสาขา กิจกรรมทางการเงินและการประกันภัยเร่งตัวขึ้น เมื่อขจัดปัจจัยฤดูกาลออกแล้ว เศรษฐกิจไทยในไตรมาส 2/2568 ขยายตัวร้อยละ 0.6 ชะลอลงจากการขยายตัวร้อยละ 0.7 ในไตรมาสก่อนหน้า (QoQ SA)
ทั้งนี้การประกาศเรื่องของภาษีตอบโต้ที่สหรัฐได้มีการประกาศกับไทยนั้นมีความชัดเจนในระดับหนึ่งทำให้ข้อกังวลลดลง แต่เรายังต้องมีการปรับเรื่องกฎระเบียบต่างๆให้เราสามารถแข่งขันได้ โดยเรามีอัตราภาษีที่ใกล้เคียงกับประเทศต่างๆ ในอาเซียน
สศช.ได้มีการปรับตัวเลขคาดการณ์จีดีพีเพิ่มขึ้นจากเดิม 1.3–2.3% (ค่ากลางอยู่ที่ 1.8%) เพิ่มเป็น 1.8–2.3% (ค่ากลางอยู่ที่ 2%) โดยเป็นการปรับตามปริมาณการค้าโลกที่เพิ่มขึ้นเป็น 3% จากเดิม 1.8% ขณะที่เศรษฐกิจของคู่ค่ายังขยายตัวได้ โดยมูลค่าการส่งออกคาดว่าจะขยายตัวได้ 5.5% อัตราเงินเฟ้ออยู่ที่ประมาณ 0.3% ส่วนอัตราแลกเปลี่ยนอยู่ที่ประมาณ 32.5–33.5 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ
ขณะที่นักท่องเที่ยวต่างชาติคาดว่าจะอยู่ที่ 33 ล้านคน สร้างรายได้เข้าประเทศ 1.57 ล้านล้านบาท โดยเศรษฐกิจไทยในปีนี้ได้อานิสงค์จากการส่งออกที่ยังขยายตัวได้ดี รวมทั้งการลงทุนภาคเอกชนที่มีแนวโน้มฟื้นตัว ขณะที่การบริโภคของภาคเอกชนมีแนวโน้มขยายตัวขึ้นในระยะต่อไปจากอัตราดอกเบี้ยที่ปรับตัวลดลง