นางคลอเดีย ดี อาร์พิดซิโอ หัวหน้าแฟชั่น และสินค้าหรู บริษัทที่ปรึกษาการลงทุนระดับโลกมีชื่อว่า เบน แอนด์ คอมพานี หรือ Bain & Company กล่าวว่าชาวจีนที่มีฐานะร่ำรวยในขณะนี้ มีความกังวลมากที่จะถูกมองว่าแสดงความโอ้อวดมากเกินไป ทำให้ชาวจีนที่มีฐานะดี หรือเศรษฐีเพิ่มความระมัดระวังในการบริโภคซื้อสินค้าราคาแพง หรือสินค้าแบรนด์เนมเพื่อการแสดงฐานะทางสังคมมากขึ้นกว่าช่วงผ่านมา
ปรากฏการณ์เช่นนี้เรียกว่า ความเหนียมอาย หรือความละอายในการใช้สินค้าหรูหรา หรือ Luxury Shame ปรากฏการณ์นี้เคยเคยเกิดขึ้นในประเทศสหรัฐอเมริกาเมื่อช่วงวิกฤติเศรษฐกิจที่สถาบันการเงินล่มสลายในปี 2008 กลุ่มคนร่ำรวยเหล่านี้ในความเป็นจริงแล้ว ไม่มีปัญหาใดๆกับการใช้จ่ายเงินไปกับสินค้าหรูหรา อย่างไรก็ตาม ในแง่ความเต็มใจที่จะซื้อสินค้าฟุ่มเฟือยหรือหรูหราในปัจจุบันกลับลดน้อยลง เพียงเพื่อไม่ให้ถูกคนทั่วไปมองว่าเป็นการซื้อหรือสวมใส่สินค้าราคาแพงจริง ๆ
นายดีเรก เติ้ง หุ้นส่วนระดับอาวุโสของบริษัทเบน แอนด์ คอมพานี หรือ Bain and Company ซึ่งเป็นบริษัทที่ปรึกษาการลงทุนธุรกิจระดับโลก กล่าวว่าชาวจีนที่มีฐานะดี หรือเศรษฐี เพิ่มความระมัดระวังในการบริโภคซื้อสินค้าราคาแพง หรือสินค้าแบรนด์เนมเพื่อการแสดงฐานะทางสังคมมากขึ้นกว่าช่วงผ่านมา จึงไม่ได้สะท้อนว่าเศรษฐีชาวจีนไม่เต็มใจที่จะใช้เงินซื้อสินค้าหรู ด้านผลประกอบการของแบรนด์ชั้นนำบางแบรนด์ยังคงมีรายได้ที่เพิ่มขึ้นในตลาดจีนด้วยซ้ำไป
ผู้บริโภคที่มีฐานะร่ำรวยชาวจีนกำลังเปลี่ยนการแสดงออกหน้าตา และฐานะทางสังคมในรูปแบบความหรูหราอย่างเงียบ ๆ โดยสินค้าที่ซื้อจะเป็นสินค้าหรูที่ใช้ลงทุนได้ มีลักษณะเรียบง่าย ดูดี และเห็นได้น้อยกว่าเดิม
เคเน็ธ โชว์ ผู้บริหารระดับสูง บริษัทโอลิเวอร์ ไวแมน หรือ Oliver Wyman ซึ่งเป็นบริษัทที่ปรึกษาด้านการบริหารจัดการกล่าวว่า ตลาดสินค้าหรูหราส่วนบุคคลทั่วโลกมีแนวโน้มเติบโตขึ้นอย่างเบาบาง หรือประมาณ 4% เมื่อเทียบกับปีผ่านมา ซึ่งคาดว่าจะมีมูลค่าที่ 420,000 ล้านดอลลาร์ หรือกว่า 15.1 ล้านล้านบาท แต่ที่น่าสนใจ คือ ตลาดสินค้าหรูหรา หรือของแบรนด์เนมของประเทศจีนกำลังหดตัวลง เมื่อไหร่ก็ตามที่ภาวะเศรษฐกิจมีความไม่แน่นอนมากขึ้น ปรากฏการณ์ความละอายในการใช้สินค้าหรูหรา หรือ Luxury Shame นี้จะเกิดขึ้นในประเทศอื่นๆ ด้วย เนื่องจากคนร่ำรวยและมีฐานะจะลังเลอย่างมากที่จะอวดรวยต่อที่สาธารณะมากขึ้น
หัวหน้าแฟชั่น และสินค้าหรู บริษัทที่ปรึกษาการลงทุนระดับโลกมีชื่อว่า เบน แอนด์ คอมพานี กล่าวว่า นโยบายของรัฐบาลจีนที่ประกาศโดยผู้นำสูงสุด นายสี จิ้นผิง ที่ว่า การเจริญเติบโตด้วยกัน หรือ Common Prosperity ได้สร้างผลกระทบทางจิตวิทยาต่อชาวจีนที่มีฐานะร่ำรวย เนื่องจากเศรษฐีชาวจีนจำนวนไม่น้อยเกิดความวิตกกังวลในความมั่งคั่งร่ำรวยของตนเองในอนาคต จึงตัดสินใจโยกย้ายทั้งสินทรัพย์ และอพยพย้ายไปตั้งถิ่นฐานในต่างประเทศมากขึ้น
#