นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซินเน็ค (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) และประธานกิตติมศักดิ์สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า แนวโน้มราคาดีเซลตลาดโลกขาขึ้น ประกอบกับเงินบาทอ่อนค่าค่อนข้างมาก จากความไม่ชัดเจนของ นโยบายการเงิน ของไทยว่าจะลดดอกเบี้ยลงหรือไม่ เหล่านี้ยิ่งทำให้ต้นทุนราคาดีเซลสูง ขณะที่แนวโน้มการอุดหนุนจากรัฐบาลยังไม่มีความชัดเจน ทำให้ราคาดีเซลจะเป็นต้นทุนซ้ำเติมประชาชนในเวลานี้ ซึ่งรัฐบาลยังไม่มีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเข้ามาช่วยเหลือประชาชน
อย่างไรก็ตาม วันที่ 10 เมษายนนี้ คณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) จะมีการประชุมเพื่อพิจารณาอัตราดอกเบี้ย หวังว่าจะมีมติลดดอกเบี้ย และเดินหน้าลดทันทีในส่วนของดอกเบี้ยเงินกู้ ต้องให้สถาบันการเงินเร่งดำเนินการ เพราะต้นทุนทางการเงินส่วนนี้มีผลกระทบต่อค่าครองชีพของประชาชนมากกว่าดีเซล เพราะประชาชนแทบทุกคนต้องเจอภาระผ่อนบ้าน ผ่อนรถ ผ่อนบัตรเครดิต หากดอกเบี้ยลดลงจะทำให้มีเงินเหลือ ค่าครองชีพลง การเร่งลดดอกเบี้ยจะเข้ามาชดเชยดีเซลได้
ด้านนายอิศเรศ รัตนดิลก ณ ภูเก็ต รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า ขณะนี้ราคาดีเซลโลกทะลุ 104 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ประกอบกับเงินบาทอ่อนค่า ยิ่งทำให้ต้นทุนราคาดีเซลสูงขึ้น ซึ่งปัจจุบันกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงติดลบเฉียด 1 แสนล้านบาทแล้ว ดังนั้นสิ่งที่รัฐบาลควรทำในเวลานี้คือ ให้กระทรวงการคลังขยายเวลาลดภาษีสรรพสามิตดีเซล 1 บาทต่อลิตร ออกไปอีก 2 เดือน จากที่จะครบกำหนดวันที่ 19 เมษายนนี้ เพื่อช่วยเหลือประชาชนให้นานที่สุด ในช่วงที่เศรษฐกิจไทยไม่ดี ไม่มีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจใหญ่ ท่องเที่ยวยังไม่ขยายตัวเท่าที่ควร ซึ่งเมื่อครบ 2 เดือนจะเป็นช่วงที่งบประมาณ 2567 มีการเบิกจ่ายพอดี
นอกจากนี้อยากให้กระทรวงการคลังช่วยกองทุนน้ำมันฯหาแหล่งเงินกู้ต้นทุนต่ำ เพื่อใช้ในการดูแลสภาพคล่อง เพราะปัจจุบันกองทุนน้ำมันฯ ต้องจ่ายดอกเบี้ยหลายร้อยล้านบาทต่อเดือน จากภาระเงินกู้วงเงิน 1.1 แสนล้านบาท
