เอสซีบี ชี้ธุรกิจไทยใช้เอไอเพียง 15.2% ส่วนใหญ่มองความเชี่ยวชาญยังต่ำกว่ามนุษย์

นายภัสด์ พุทธาพิพัฒน์ หัวหน้านักวิเคราะห์ข้อมูล หัวหน้าฝ่ายนวัตกรรมและรักษาการหัวหน้าฝ่ายผลิตภัณฑ์และ โซลูชั่นส์ บริษัท เอสซีบี เดต้า เอกซ์ จำกัด (SCB DataX) เปิดเผยในการประชุมใหญ่หอการค้าภาค “Connect The Dots การขับเคลื่อนเศรษฐกิจภาค 5 ภาคประจําปี 2567 ในหัวข้อ “Generative Al กับ SMEs”   ว่า เอไอ หรือ เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (Generative AI) เป็นสิ่งประดิษฐ์ ในด้านวิทยาการคอมพิวเตอร์แขนงหนึ่งที่กำลังเป็นนิยม โดยสร้างเพื่อให้สามารถคิด วิเคราะห์ และแก้ปัญหาแทนมนุษย์ได้ ซึ่งเริ่มมีการใช้อย่างแพร่หลายแล้วอาทิ ChatGPT หรือเป็น เอไอประเภท Chatbot

ข้อมูลของ โกลด์แมน ซาคส์ (Goldman Sachs) กลุ่มธุรกิจธนาคารชั้นนำระดับโลก ระบุว่า เอไอ จะเพิ่มผลิตภัณฑ์มวลรวมของโลก (จีดีพีโลก) ได้มากกว่า 7% หรือเกือบประมาณ 7 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งคืดเป็น มากกว่า 40% ของการจ้างงานทั่วโลกได้ ขณะเดียวกัน เอไอ และเครื่องจักรอัตโนมัติ (Automation) จะสามารถช่วยลด เวลาการทํางานของพนักงานได้ 60%-70% อีกทั้งยกระดับอัตราการเจริญเติบโตของผลิตภาพได้ 1.5% ในระยะเวลา 10 ปี

ระดับอุตสาหกรรมโลก การประยุกต์ใช้เอไอในอตสาหกรรมต่างๆ คาดว่าจะสร้างมูลค่าได้ระหว่าง 2.6-4.4 ล้านล้าน เหรียญสหรัฐต่อปี โดย 75% ของมูลค่ารวมดังกล่าว คาดว่าจะเป็นผลจากการ ปรับใช้เอไอ ใน 4 หน่วยธุรกิจหลัก ประกอบด้วย 1.ลูกค้าสัมพันธ์ 2.การขายและการตลาด 3.ออกแบบและพัฒนาซอฟต์แวร์ และ 4.วิจัยและพัฒนา ซึ่งส่วนใหญ่พบใน อุตสาหกรรมธนาคาร และอุตสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูง (High Tech) จะได้รับผลกระทบมากกว่าด้านอื่นๆ

ขณะที่การเริ่มใช้เอไอในองค์กรของประเทศไทย แบ่งเป็น 56.6% อยู่ระหว่างพิจารณา 28.2% ยังมองว่าไม่จำเป็นในตอนนี้ และมีเพียง 15.2% เท่านั้นที่นำเอไอมาใช้แล้ว โดยวัตถุประสงค์ 1.เพิ่มประสิทธิภาพการผลิตหรือบริการขององค์กร 2.ประยุกต์ใช้สำหรับการบริหารจัดการภายใน และ 3.เพิ่มรายได้ให้กับองค์กร

โดยเอไอยังเป็นสิ่งประดิษฐ์ที่ไม่สมบูรณ์ 100% จากความละเอียดอ่อน หรือความเชี่ยวชาญยังต่ำกว่ามนุษย์ เห็นได้จากตัวอย่างพิมพ์ให้แชทเอไอทำภาพ หมูปิ้งนมสด ซึ่งผลที่ได้คือ ภาพหมูหนึ่งตัวกำลังถือกล่องนมสดปิ้งบนเตา ซึ่งไม่ผิด แต่ไม่ใช่คำตอบที่เราต้องการ และยังมีปัญหาเรื่องกฎหมาย หรือข้อบังคับ ซึ่งยังมีน้อยไม่ครอบคลุม มีข้อบังคับไม่มาก และอีกสิ่งที่น่าติดตามคือ จากการรวบรวมข้อมูลพบว่า เอไอที่ยิ่งมีประสิทธิภาพ จะยิ่งมีการใช้พลังงานสูง ซึ่งอาจจะขัดกับเทรนด์เรื่องการลดการปล่อยคาร์บอน

นายภัสต์ กล่าวอีกว่า ถ้าถามว่าผู้ประกอบการไทยควรจะใช้เอไอหรือยัง ฝากพิจารณา ดังนี้ 1.ประเมินความต้องการและความพร้อม ขององค์กรในการประยุกต์ใช้เทคโนโลยี 2.เจ้าของกิจการหรือผู้บริหารระดับสูง ต้องเป็นผู้นําการเปลี่ยนแปลง เปิดใจเพื่อให้โอกาสในการทดลองใช้เอไอและนวัตกรรมใหม่ๆ 3.ยกระดับศักยภาพคนเพื่อให้สามารถขับเคลื่อน และเติบโตไปกับเทคโนโลยี 4.พิจารณาฟังก์ชั่นและราคาที่ต้องจ่าย เพื่อให้สามารถประยุกต์ใช้เทคโนโลยี ในระดับที่เหมาะสมกับความต้องการขององค์กร และ 5.ศึกษากฎหมายและข้อบังคับที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้การใช้เทคโนโลยีเป็นไปอย่างถูกต้อง และสร้างความรับผิดชอบร่วมกัน

ติดตาม BTimes ได้ตามช่องทางข้างล่างนี้
Latest Posts

Related Articles