ธนาคารซิตี้กรุ๊ป เปิดเผยในรายงานวิเคราะห์ราคาทองคำคืนที่ผ่านมาว่า ราคาทองคำยังคงอยู่ในภาวะขาขึ้นและกำลังเข้าใกล้แต่ระดับราคา 3,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ด้วย 2 ปัจจัยหลักคือความขัดแย้งในปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ที่ยังคงมีต่อเนื่อง และความไม่แน่นอนในภาวะเศรษฐกิจบนนโยบายสงครามภาษี 2.0 ของสหรัฐอเมริกา
ดังนั้นจึงได้ทบทวนเป้าหมายราคาทองคำในช่วงระยะสั้นระหว่างจากนี้ไปถึงไม่เกิน 3 เดือนข้างหน้า ราคาทองคำตลาดโลก จะเพิ่มขึ้นราว 200 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ หรือจากระดับ 2,800 ในปัจจุบันขึ้นไปเป็น 3,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ในขณะที่ยังคงมุมมองเดิมกับราคาทองคำในช่วง 6 ถึง 12 เดือนข้างหน้าจะอยู่ในระดับ 3,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ นอกจากนี้ยังได้ปรับเพิ่มขึ้นราคาเฉลี่ยทองคำโลกในปี 2025 จากเดิมเฉลี่ยที่ 2,800 ขึ้นเป็น 2,900 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์
ธนาคารซิตี้กรุ๊ป เปิดเผยต่อไปว่าภาวะตลาดกระทิงของทองคำ จะมีความเป็นไปได้ที่จะเกิดขึ้นต่อเนื่องภายใต้ยุคทรัมป์ 2.0 เนื่องจากสงครามการค้าและ ปัญหาความขัดแย้งด้านภูมิรัฐศาสตร์ของโลก ทั้ง 2 ปัจจัยดังกล่าวตอกย้ำให้เกิดภาวะโยกย้ายการลงทุน แนวโน้มลดการถือครองเงินดอลลาร์สหรัฐ และความต้องการบริโภคทองคำจากในกลุ่มประเทศเกิดใหม่ที่เพิ่มขึ้น ที่สำคัญความกังวลเกี่ยวกับการขยายตัวทางเศรษฐกิจโลก จะเป็นปัจจัยทำให้เกิดความต้องการในการลงทุนทองคำในกองทุนอีทีเอฟ และโอทีซี เพิ่มมากขึ้น
ในขณะที่ข้อมูลจากสภาทองคำโลกหรือดับเบิลยูจีซี พบว่าในปี 2024 ผ่านไป ความต้องการซื้อทองคำทั่วโลกสะสมเพิ่มขึ้น 1% สูงขึ้นเป็น 4,974.5 เมตตริกตัน ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติศาสตร์ เนื่องจากความต้องการในการลงทุนทองคำเพิ่มสูงต่อเนื่อง รวมถึงการซื้อสะสมทองคำสุทธิของธนาคารกลางทั่วโลกในช่วงไตรมาสที่ 4 ของปีผ่านไป
สำหรับราคาหรือผลตอบแทนจากการลงทุนในตลาดทองคำโลก พบว่านับตั้งแต่ต้นปีนี้จนถึงคืนที่ผ่านมา 6 กุมภาพันธ์ 2025 ราคาทองคำตลาดโลกพุ่งขึ้น +8.97% หรือเพิ่มขึ้น +236 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ และเป็นราคาทองคำรายสัปดาห์ที่ปิดเพิ่มขึ้นถึง 5 สัปดาห์ติดต่อกันเมื่อนับถึงสัปดาห์สุดท้ายก่อนถึงสัปดาห์นี้