ตลาดหลักทรัพย์ นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา รายงานว่า เมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2025 (ตามเวลาในสหรัฐ) ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดที่ระดับ 44,176 จุด -450 จุด หรือ -1.01% ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ระดับ 6,117 จุด -26 จุด หรือ -0.43% และดัชนีหุ้นนาสแดค ปิดที่ 19,962 จุด -93 จุด หรือ-0.47% ส่งผลดัชนีหุ้นหุ้นนาสแดคปิดหลุดระดับ 20,000 จุดครั้งใหม่ และดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ปิดหลุดจากระดับสูงสุดเป็นประวัติศาสตร์ครั้งใหม่ที่ปิดขึ้น 3 วันติดกัน ในสัปดาห์ผ่านไป ดัชนีหุ้นสำคัญทั้ง 3 แห่ง ปิด +0.6%, +1.5% และ +2.6% ตามลำดับ สิ้นสุดมกราคม ดัชนีหุ้นสำคัญทั้ง 3 แห่ง ปิด +4.7%, +2.7% และ +1.6% ตามลำดับ
สาเหตุจากนักลงทุนกังวลครั้งใหม่กับภาวะเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาที่มีสัญญาณชะลอตัว หลังจากยักษ์ใหญ่ค้าปลีกระดับโลกอย่างวอล-มาร์ท ยอมรับว่าตัวเลขคาดการณ์เติบโตในงบประมาณปัจจุบันจะอยู่ที่ 3-4% ซึ่งต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ นอกจากนี้ แนวโน้มรายได้คาดการณ์ของวอล-มาร์ทในปี 2026 ยังลดต่ำลงจากการประเมินของบรรดานักวิเคราะห์ด้วย ส่งผลราคาหุ้นวอล-มาร์ทดำดิ่งมากถึง -6.5% ในคืนผ่านมา
เมื่อวันที่ 29 มกราคม 2025 คณะกรรมการนโยบายการเงินของเฟดมีมติเป็นเอกฉันท์ให้ตรึงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 4.25 ถึง 4.5% เท่าเดิม ส่งผลเป็นการตึงอัตราดอกเบี้ยดังกล่าวเป็นครั้งแรกในรอบปี 2025 นี้ และเป็นครั้งแรกใน 4 เดือนผ่านมา หรือนับตั้งแต่เดือนกันยายน 2024 หลังจากได้มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยดังกล่าวลงถึงสามครั้งต่อเนื่องรวมลดลง 1.0% ในปี 2024 ผ่านมา
ด้านตัวชี้วัดโอกาสการตรึงดอกเบี้ยระยะสั้นของธนาคารกลางสหรัฐ หรือเฟด พบว่า โอกาสปรับลดดอกเบี้ยระยะสั้นของเฟดในมีนาคมอยู่ที่ระดับ 25% จากเดิมที่ระดับ 41%
ทั้งนี้ สิ้นสุดปี 2024 พบว่า ดัชนีหุ้นสำคัญทั้ง 3 แห่ง พุ่งสูง +13%, +23% และ +29% ตามลำดับ โดยเฉพาะ ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ทำสถิติผลตอบแทนดัชนีหุ้นปิดบวกสูงกว่า 20% เป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน