นายกมลภพ วีระพละ กรรมการผู้จัดการธนาคารอาคารสงเคราะห์( ธอส.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ มีลูกหนี้ สินเชื่อบ้านที่อยู่ในภาวะอ่อนแรงในการชำระ ซึ่งอาจจะตกชั้นกลายมาเป็นหนี้เสียถึง 15% ของพอร์ตสินเชื่อรวมที่มีราว 30% หรือคิดเป็น 1.71 ล้านล้านบาท ซึ่งธนาคารก็ได้เตรียมมาตรการออกมารองรับเพื่อช่วยเหลือลูกค้ากลุ่มดังกล่าว
อย่างไรก็ดี จากมาตรการดูแลลูกหนี้ในช่วงโควิดที่เราไม่พักหนี้ทั้งพอร์ต ทำให้พบว่า มีลูกหนี้กลุ่มรายย่อยที่มีวงเงินสินเชื่อต่ำ เป็นกลุ่มที่มีประวัติการชำระหนี้ และ มีโอกาสทิ้งบ้านน้อยกว่าลูกหนี้ที่มีวงเงินกู้สูงๆ
“ที่ผ่านมา เราไม่พักหนี้ทั้งพอร์ต เพราะเชื่อว่า ยังมีลูกหนี้ที่เขาต้องการชำระหนี้ตามปกติ หากรายใดต้องการพัก เราก็จะจัดให้ลงทะเบียนเพื่อร่วมโครงการ ซึ่งจากสถิติการชำระหนี้นั้น เราพบว่า มีลูกหนี้ที่สามารถชำระหนี้ได้ก่อนกำหนดโดยเฉลี่ย สามารถชำระหนี้ได้หมดภายใน 11.5 ปี จากระยะเวลาชำระหนี้ 30 ปี“
นอกจากนี้ ธอส.พร้อมสนับสนุนนโยบายรัฐบาลในการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยเตรียมมาตรการสินเชื่อรองรับ คาดว่า ภายใน 2 สัปดาห์นี้รัฐบาลจะประกาศมาตรการดังกล่าวออกมาโดยขณะนี้ทางดีเวลลอปเปอร์อสังหาริมทรัพย์ได้เสนอมาตรการเข้าไปรองรับนโยบายที่รัฐบาลกำลังหารือ
ที่ผ่านมาธนาคารธอส. ได้ตรึงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้เพื่อดูแลลูกค้าไว้ให้นานที่สุด กรณีที่ปี 66 ธนาคารมีผลกำไรกว่า 1.4 หมื่นล้านบาท ส่วนสำคัญเป็นเพราะธนาคารสามารถปล่อยสินเชื่อได้สูงกว่าเป้าหมาย โดยปล่อยได้ 2.53 แสนล้านบาท เป้าหมายเดิมอยู่ที่ 2.35 แสนล้านบาท ขณะเดียวกันยังสามารถคุมค่าใช้จ่ายต่างๆได้ดี ทำให้เราสามารถทำกำไรได้สูง
“ปีนี้ เราก็จะตรึงดอกเบี้ยเงินกู้ไว้ให้นานที่สุด แต่หากว่า กนง.ปรับลดดอกเบี้ยนโยบายลง เราก็จะปรับลดดอกเบี้ยเงินกู้ให้แก่ลูกค้า”
สำหรับในปี 2567 นี้ ธนาคารตั้งเป้าหมายปล่อยสินเชื่อที่ 2.42 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 5% จากปี 66