แบงก์ชาติสหรัฐหั่นดอกเบี้ยอีก 0.25% ลง 2 ครั้งติดต่อกันเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 4 ปี ลั่นไม่ลาออกจากประธานแบงก์ชาติสหรัฐหลังมีรัฐบาล และปธน.สหรัฐคนใหม่

แบงก์ชาติ สหรัฐ หั่น ดอกเบี้ย อีก 0.25% ลง 2 ครั้งติดต่อกันเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 4 ปี ลั่นไม่ลาออกจากประธานแบงก์ชาติสหรัฐหลังมีรัฐบาล และปธน.สหรัฐคนใหม่

นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา หรือเฟด เปิดเผยว่าคณะกรรมการนโยบายการเงินมีมติเป็นเอกฉันท์ให้ลดอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นลง 0.25% ส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยดังกล่าวลงมาอยู่ระหว่าง 4.50-4.75% ทำให้เป็นการลดดอกเบี้ยระยะสั้นครั้งที่ 2 ติดต่อกันเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 4 ปีผ่านมา โดยรวมลดลงไป 0.75% จากอัตราดอกเบี้ยที่เคยอยู่สูงสุดในรอบ 23 ปีเมื่อช่วงก่อนเดือนกันยายนปีนี้

ธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา หรือเฟด พยายามที่จะควบคุมระหว่างความเสี่ยงในการผ่อนคลายดอกเบี้ยระยะสั้นเร็วเกินไปกับความเร็วของอัตราเงินเฟ้อที่ลดลงเข้าสู่เป้าหมายที่กำหนดไว้ หรือในเวลาเดียวกัน ความเสี่ยงในการผ่อนคลายดอกเบี้ยระยะสั้นช้าเกินไปกับการปล่อยให้ภาวะการจ้างงานอ่อนตัวลงมากเกินไป ดังนั้น สิ่งที่ถูกต้องที่สุด คือ เฟดต้องมีความระมัดระวังด้วยความอดทนในการดำเนินนโยบายการเงิน

ด้านนักวิเคราะห์ในตลาดทุน ประเมินต่อไปว่า ในการประชุมครั้งสุดท้ายของเฟดปีนี้ที่จะมีขึ้นในวันที่ 17-18 ธันวาคมนั้น คาดว่าเฟดจะยังคงลดอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นต่อเนื่องอีก 0.25%

ผู้สื่อข่าวสัมภาษณ์ประธานธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา หรือเฟด นายเจอโรม พาวเวลล์ ว่าจะลาออกหรือไม่ หากมีการร้องขอจากรัฐบาลชุดใหม่ หรือจากว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐคนใหม่ นายเจอโรม พาวเวลล์ตอบอย่างไม่คลุมเครือว่า “ไม่” นายเจอโรม พาวเวลล์ ได้รับแต่งตั้งให้เป็นประธานเฟด โดยนายโดนัลด์ ทรัมป์ ในช่วงวาระแรกที่ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐคนที่ 45 หลังจากนั้นเพียง 2 ปี นายโดนัลด์ ทรัมป์ แสดงความไม่พอใจ และมีแนวคิดตรงกันข้ามเกี่ยวกับนโยบายการเงิน หรืออัตราดอกเบี้ยระยะสั้นของเฟดในปี 2018-2019

ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 19 กันยายนผ่านมา เฟดเปิดเผยว่าคณะกรรมการนโยบายการเงินมีมติเสียงเกือบทั้งหมด 11 ต่อ 1 เสียง ซึ่งไม่เป็นเอกฉันท์ในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นลง 0.5% ส่งผลให้อัตราอัตราดอกเบี้ยดังกล่าวลงมาอยู่ที่ระดับ 4.75 ถึง 5.00% โดยกล่าวว่า เฟดได้ตัดสินใจเริ่มต้นอย่างดี และเป็นการเริ่มต้นเชิงรุกในการผ่อนคลายนโยบายการเงิน และโดยส่วนตัวแล้วรู้สึกยินดีที่เฟดได้ตัดสินใจลงไป นอกจากนี้ เฟดยังส่งสัญญาณว่าโอกาสในการปรับลดดอกเบี้ยระยะสั้นที่จะมีสูงถึง 0.5% อาจเกิดขึ้นในช่วงที่เหลือของปี 2024 ดอกเบี้ยดังกล่าวอาจลดลงรวมกันถึง 1% ซึ่งจะเกิดขึ้นภายในปี 2025 จนกระทั่งถึงปี 2026 ดอกเบี้ยระยะสั้นอาจปรับลดลงลดลงอีก 0.5%

เฟดลดอัตราดอกเบี้ยดังกล่าวในคืนนั้นจึงกลายเป็นการลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกในรอบ 4 ปี หรือนับตั้งแต่มีนาคมปี 2020 นอกจากนี้ ยังเป็นการสิ้นสุดการตรึงอัตราดอกเบี้ยดังกล่าวที่ระดับ 5.25% – 5.50% มาอย่างยาวนานถึง 13 เดือนครึ่ง หรือนับตั้งแต่เดือนกรกฎาคมปี 2023 ซึ่งก่อนหน้านั้น เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นรวมทั้งหมด 18 เดือนติดต่อกัน โดยมีจำนวนครั้งปรับขึ้นดอกเบี้ย 11 ครั้ง รวมปรับขึ้นทั้งหมด 5.25% ประกอบด้วย การปรับขึ้น 0.75% มี 4 ครั้งติดต่อก้นในการประชุมเดือนมิถุนายนถึงพฤศจิกายนปี 2022 การปรับขึ้น 0.5% มี 2 ครั้งในเดือนพฤษภาคม และในเดือนธันวาคมปี 2022 การปรับขึ้น 0.25% มี 5 ครั้งในเดือนมีนาคม 2022 เดือนกุมภาพันธ์ถึงเดือนพฤษภาคม 2023 และเดือนกรกฎาคม 2023 ซึ่งในเดือนมิถุนายนปี 2023 ไม่มีการปรับขึ้นดอกเบี้ยแต่อย่างใดก่อนจะขึ้นอีกครั้งในเดือนกรกฎาคมปีเดียวกัน ในช่วงเวลานั้น หรือในช่วงกลางปี 2022 ภาวะอัตราอัตราเงินเฟ้อในสหรัฐอเมริกาพุ่งทำสถิติสูงสุดในรอบกว่า 40 ปีอยู่ที่ระดับเหนือกว่า 9.1%

การปรับลดอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นถึง 0.5% ซึ่งถือได้ว่าเป็นการปรับลดอัตราดอกเบี้ยที่มีขนาดมากกว่าภาวะปกติ หรือเรียกว่าเป็นอัตราดอกเบี้ยซุปเปอร์ไซส์ หรือจัมโบ้ไซส์ ซึ่งถือเป็นการปรับลด 0.5% ครั้งแรกในรอบ 16 ปีที่ผ่านมา หรือนับนับตั้งแต่ปี 2008 ซึ่งเป็นปีที่เกิดวิกฤติเศรษฐกิจวิกฤติสถาบันการเงินล่มสลายในสหรัฐอเมริกา หรือที่รู้จักกันดีว่าวิกฤติแฮมเบอร์เกอร์ การลดอัตราดอกเบี้ยในครั้งนั้นที่ 0.5% นับเป็นครั้งสุดท้ายในช่วงเวลาผ่านมาจนถึงเมื่อคืนนี้ เนื่องจากโดยปกติแล้วการลดอัตราดอกเบี้ยของเฟดในอดีตผ่านมา จะลดลงครั้งละ 0.25% และทยอยลดลงอย่างต่อเนื่อง

อย่างไรก็ตาม การปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งใหญ่มากถึง 0.5% ในกันยายนผ่านไปนั้น ก่อให้เกิดความเห็นที่ไม่เป็นเอกฉันท์เกี่ยวกับขนาดของการลดดอกเบี้ยลงเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2005 หรือในรอบ 19 ปีที่ผ่านมา เนื่องจากผู้ว่าการเฟด และเป็นกรรมการที่มีสิทธิลงมติ ที่มีชื่อว่านายมิเชล โบว์แมน เปิดเผยว่าไม่เห็นด้วยกับมติการลดอัตราดอกเบี้ยมากถึง 0.5% โดยส่วนตัวเสนอให้รถอัตราดอกเบี้ยเพียง 0.25% เท่านั้น

คณะกรรมการนโยบายการเงินของเฟด ได้เปิดเผยเกี่ยวกับมุมมองของแนวโน้มภาวะการว่างงานในปี 2024 นี้ โดยพบว่า ได้ปรับตัวเลขคาดการณ์ว่างานเพิ่มขึ้นจากเดิมในระดับ 4.0% ขึ้นมาเป็น 4.4% และปรับลดตัวเลขคาดการณ์เงินเฟ้อทั่วไปลงจากเดิมที่ระดับ 2.6% มาเป็น 2.3% ด้วย ขณะที่ตัวเลขคาดการณ์เงินเฟ้อขั้นขั้นพื้นฐาน ได้ปรับลดลงเล็กน้อยเพียง 0.2% มาอยู่ที่ระดับคาดการณ์ 2.6% เช่นกัน

ติดตาม BTimes ได้ตามช่องทางข้างล่างนี้
Latest Posts

Related Articles