ธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา หรือเฟดมีมติไม่เป็นเอกฉันท์ด้วยคะแนนเสียง 9 ต่อ 3 เสียง ซึ่งเสียงไม่เป็นเอกฉันท์ในครั้งนี้แตกต่างอย่างมากจากมติในการลดดอกเบี้ยเมื่อปลายเดือนตุลาตุลาคมผ่านไปซึ่งมีมติ 10 ต่อ 2 เสียง ให้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นลง 0.25% ส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยดังกล่าวลดลงที่ระดับ 3.50% ถึง 3.75% ส่งผลให้มติที่ไม่เป็นเอกฉันท์ในคืนผ่านมามีเสียงแตกต่างมากที่สุดในรอบ 16 ปี 3 เดือน หรือ นับตั้งแต่เดือนกันยายนปี 2009 เป็นต้นมา ที่สำคัญ มีคณะกรรมการงดออกเสียงหนึ่งคน ซึ่งเหนือความคาดหมายของตลาด
การลดอัตราดอกเบี้ยครั้งที่ 3 ในคืนผ่านไปเกิดขึ้นในรอบ 12 เดือนของเฟด หรือนับตั้งแต่เดือนธันวาคมปี 2024 เป็นต้นมา ทำสถิติเป็นอัตราดอกเบี้ยดังกล่าวที่ต่ำที่สุดในรอบ 2 ปีกว่า นอกจากนี้เฟดยังได้ปรับลดดอกเบี้ยถึง 3 ครั้งรวมกัน 0.75% นับตั้งแต่การประชุมในเดือนกันยายน ตุลาคม และธันวาคมของปีนี้ ที่สำคัญ ยังเป็นการปรับลดอัตราดอกเบี้ยดังกล่าวรวมกัน 1.75% นับตั้งแต่เดือนกันยายนในปี 2024 เป็นต้นมา
ก่อนหน้านี้ เฟดมีมติยกเลิกมาตรการลดการซื้อคืนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอเมริกา ซึ่งจะมีผลในวันที่ 1 ธันวาคม 2025 นี้ส่งผลให้เป็นการยุติมาตรการดังกล่าวที่เริ่มต้นใช้ลดตั้งแต่ปี 2022 เป็นต้นมา
ที่น่าสนใจคือ นายสตีเฟ่น มิลาน ซึ่งได้รับแต่งตั้งเป็นกรรมการที่มีสิทธิ์ออกเสียงเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นในคณะกรรมการนโยบายการเงินของเฟด ยังคงเป็นกรรมการคนเดียวที่ลงงมติให้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยสูงถึง 0.50%
สำหรับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นลงเป็นครั้งที่ 3 ติดต่อกันในรอบปีนี้ มีสาเหตุจากคณะกรรมการนโยบายการเงิน มองว่ายังคงมีปัจจัยเสี่ยงที่เพิ่มสูงขึ้น ต่อภาวะการจ้างงานในสหรัฐอเมริกา สะท้อนจากอัตราการว่างงานที่เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ภาวะการจ้างงานโดยรวมเพิ่มขึ้นอย่างเบาบาง ถึงแม้ว่า จากข้อมูลเศรษฐกิจที่มีอยู่นั้น ประเมินได้ว่าภาวะเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาโดยรวมยังคงขยายตัวในระดับปานกลางก็ตาม สำหรับมุมมองภาวะเงินเฟ้อนั้น พบว่าอาจปรับเพิ่มสูงขึ้นนับตั้งแต่ต้นปีนี้ และบางทีอาจจะยังคงอยู่ในภาวะขยับเพิ่มขึ้นในปี 2026 อยากไปก็ตาม แนวโน้มเงินเฟ้อของสหรัฐอเมริกาจะอยู่ที่ระดับ 2.4% ในช่วงสิ้นปี 2026 เฟดปรับขึ้นตัวเลขคาดการณ์ขยายตัวทางเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาอีก 0.5% มีแนวโน้มที่จะขยายตัวเหนือระดับ 2.3% ในปีหน้า และมุมมองเกี่ยวกับอัตราว่างงานของสหรัฐอเมริกาจะอยู่ที่ระดับ 4.4% ในปี 2025
อย่างไรก็ตาม นายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานเฟด กล่าวหลังการส่งสัญญาณประชุมเสร็จสิ้นว่า ไม่มีแนวโน้มการปรับเพิ่มขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นในอนาคต ในขณะเดียวกัน เฟดจะต้องประเมินทางข้อมูลและภาวะเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาในอนาคต ที่มีความชัดเจนซึ่งทำให้ความต่อเนื่องในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยดังกล่าวอาจจะไม่เกิดขึ้นจากนี้ไป สำหรับมุมมองเกี่ยวกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยดังกล่าวของคณะกรรมการแต่ละคนยังคงไม่เปลี่ยนแปลงซึ่งทำให้เห็นว่าเฟสอาจปรับลดอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นเพียง 1 ครั้งในปี 2026 และลดอีก 1 ครั้งในปี 2027 ในขณะที่ตลาดคาดการณ์ว่าในปี 2026 เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 2 ครั้งเป็นอย่างต่ำ