นายมนัสชัย จึงตระกูล รองผู้อำนวยการ สำนักงานภาคตะวันออกเฉียง จังหวัดขอนแก่น ธนาคารแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า หลังจากที่รัฐบาลไทยใช้มาตราการเปิด-ปิดด่านชายแดนไทยกับกัมพูชาในช่วงสัปดาห์ที่เกิดการปะทะตามแนวชายแดน พบว่าการค้าขายผ่านชายแดนชะงักลง มูลค่าการค้าชายแดนไทยและกัมพูชาจากเดิมมีมูลค่าเฉลี่ย 10,000 ล้านบาทต่อเดือน โดยในจำนวนนี้มีสัดส่วนมากถึง 95% เป็นมูลค่าการค้าด่านภาคตะวันออก ได้แก่ จ.สระแก้ว จ.จันทรบุรี และ จ.ตราด สำหรับภาคอีสานใต้รวมกัน 4 จังหวัด คือ จ.อุบลราชธานี จ.สุรินทร์ จ.ศรีสะเกษ และ จ.บุรีรัมย์ มูลค่าการค้ารวมเสียหาย 500 ล้านบาทต่อเดือน หรือคิดเป็น 5% จากมูลค่าทั้งหมด
นอกจากการค้าชายแดนที่ได้รับผลกระทบโดยตรงแล้ว ยังมีภาคภาคบริการที่ชาวกัมพูชาเข้ามาใช้จ่ายแถบจังหวัดชายแดน และใช้บริการรักษาพยาบาล ประมาณหมื่นกว่าคนต่อเดือน ส่งผลต่อรายได้ส่วนนี้หายไป นอกจากนี้ ภาคการเกษตรได้รับผลกระทบด้วย เนื่องจากประชาชนในพื้นที่อีสานใต้ทำนาเป็นจำนวนมาก ดังนั้น เมื่อกระสุนฝั่งกัมพูชาตกในพื้นที่นาเป็นจำนวนไม่น้อย ทำให้เกษตรกรไม่สามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้
ทั้งนี้ นายมนัสชัย จึงตระกูล เปิดเผยต่อไปว่า มาตรการเยียวผู้ประกอบการ หรือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความไม่สงบตามแนวชายแดนไทยกัมพูชานั้น สถานบันการเงินเข้าไปช่วยเหลือดูแล โดยการยืดระยะเวลาในการผ่อนชำระ และปล่อยสินเชื่อ เพื่อให้มีสภาพคล่องมากขึ้น ภาคธุรกิจหรือประชาชนที่ได้รับผลกระทบ สามารถติดต่อสถานบันการเงินในพื้นที่ได้