ธนาคารแบงก์ ออฟ อเมริกา หรือบีโอเอ เปิดเผยว่า ได้ปรับลดตัวเลขคาดการณ์ราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ ทะเลเหลือ ในปี 2025 ลงอีก 5 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ส่งผลจากเดิมเคยมองที่ระดับ 75 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล มาเหลือที่ 70 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล
สาเหตุจากความต้องการในการบริโภคน้ำมันดิบในปี 2025 จะค่อนข้างเบาบางอยู่ที่เฉลี่ยวันละ 1.1 ล้านบาร์เรลต่อวัน เมื่อเปรียบเทียบกับความต้องการบริโภคน้ำมันดิบในปีนี้ นอกจากนี้ ปัจจัยการผลิตน้ำมันดิบของประเทศที่อยู่นอกสมาชิกกลุ่มโอเปกพลัส จะเพิ่มขึ้นเกือบ 1.6 ล้านบาร์เรลต่อวันในปี 2025 ปัจจัยดังกล่าวกลายเป็นข้อจำกัดในการที่คุณโอเปกพลัสจะตัดสินใจเพิ่มกำลังการผลิตในปี 2025
ในขณะที่ความต้องการบริโภคน้ำมันดิบของประเทศจีนทั้งในปีนี้ และปี 2025 พบว่าจะเพิ่มขึ้นในปริมาณที่เบางบาง โดยในปีนี้ 2024 จีนจะบริโภคน้ำมันเพิ่มเพิ่มขึ้นเพียงวันละ 180,000 บาร์เรล และในปี 2025 จีนจะบริโภคน้ำมันดิบเพิ่มขึ้นเพียงวันละ 210,000 บาร์เรล ซึ่งเป็นผลจากภาวะเศรษฐกิจของจีนนั้นมีแนวโน้มชะลอตัวลงต่อเนื่อง
ตลาดซื้อขายน้ำมันดิบ นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา รายงานว่า เมื่อวันศุกร์ที่ 6 กันยายน 2024 ที่ผ่านไป พบว่า ราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ นิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่ 67.67 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล -1.48 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ -2.14% ส่งผลเป็นราคาปิดต่ำสุดนับตั้งแต่มิถุนายน 2023 หรือในรอบ 1 ปี 2 เดือนกว่า นอกจากนี้ ยังปิดลดลง 4 วันติดกันรวม -5.88 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ -8.17% ในสัปดาห์นี้ ราคาลดลง -8.0% ส่งผลเป็นราคาน้ำมันดิบรายสัปดาห์ที่เลวร้ายที่สุดในรอบ 10 เดือน หรือตั้งแต่ตุลาคมปี 2023 และจบเดือนสิงหาคมราคาลดลง -3.6% ที่สำคัญ ราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ตั้งแต่ต้นปีนี้มาถึงคืนผ่านมา กลับร่วงลง -5.6% ส่งผลให้ส่วนต่างราคากลับกลายเป็นติดลบตั้งแต่ต้นปีนี้
ด้านราคาน้ำมันดิบ เบร็นท์ อังกฤษ ทะเลเหนือ ปิดที่ 71.06 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล -1.63 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ -2.24% ส่งผลเป็นราคาปิดต่ำสุดนับตั้งแต่ธันวาคม 2021 หรือในรอบ 2 ปี 8 เดือนกว่า ก่อนหน้านี้เมื่อวันพุธผ่านมา มีราคาปิดต่ำสุดนับตั้งแต่ 12 ธันวาคม 2023 หรือในรอบ 8 เดือนกว่า นอกจากนี้ ยังปิดลดลง 4 วันติดกันรวม -6.46 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ -8.57% ในสัปดาห์นี้ ราคาดำดิ่งหนัก -10% และจบเดือนสิงหาคมราคาลดลง -2.4% ที่สำคัญ ราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ ตั้งแต่ต้นปีนี้มาถึงคืนผ่านมา กลับร่วงลง -7.8% ส่งผลให้ส่วนต่างราคากลับกลายเป็นติดลบตั้งแต่ต้นปีนี้