นางสาวมิสซี่ ยาง ผู้จัดการประจำ การ์มิน ประเทศไทย กล่าวว่า เป็นเวลาเกือบ 5 ปีนับตั้งแต่ที่ Garmin ได้เข้ามาเปิดสำนักงานในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ บริษัทได้รับความเชื่อมั่น และกระแสตอบรับที่ดีจากผู้บริโภคชาวไทยมาโดยตลอด โดยครึ่งแรกของปี 2568 Garmin ประเทศไทยมีรายได้เติบโตกว่า 35% นอกจากนี้ ข้อมูลผู้ใช้บน Garmin Connect ยังพบว่า คนไทยทำกิจกรรมการฝึกความแข็งแรง (Strength Training) เพิ่มขึ้นมากที่สุด โดยมีสถิติการทำกิจกรรมเติบโตถึง 40% รองลงมาเป็นกิจกรรมคาร์ดิโอในร่ม (Indoor Cardio) เช่น พิลาทิส HIIT เติบโตมากกว่า 15% สะท้อนถึงกระแสสุขภาพที่ยังคงเติบโตต่อเนื่องในประเทศไทย
บริษัทฯ จึงตัดสินใจที่จะขยายฐานการผลิต ตั้งโรงงานแห่งแรกในประเทศไทยที่จังหวัดชลบุรี โดยคาดการณ์ว่าจะสามารถเดินสายการผลิตได้ภายในไตรมาสสุดท้ายของปี 2569 เพื่อตอบรับกระแสสุขภาพที่มาแรง และรองรับการเติบโตของ Garmin ทั้งในระดับโลกและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จึงนับเป็นการตอกย้ำกลยุทธ์การขยายธุรกิจแนวดิ่ง (Vertical Integration) ซึ่งหมายถึงการที่ Garmin เป็นผู้ดำเนินการเองทั้งกระบวนการ ตั้งแต่พัฒนาด้านวิศวกรรม การผลิตการตลาด ตลอดจนการให้บริการ ทำให้สามารถควบคุมคุณภาพทั้งสายการผลิต และเพิ่มความสามารถในการปรับตัวให้เท่าทันการเติบโตของอุตสาหกรรมและพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วได้
โรงงานแห่งแรกในประเทศไทย ยังพัฒนาภายใต้มาตรฐานด้านการจัดการพลังงานในระดับสากล (ISO 50001) ด้วยการใช้เทคโนโลยีประหยัดพลังงานอย่างระบบโซลาเซลล์อีกด้วย
การ์มิน (Garmin) เริ่มต้นจากผลิตภัณฑ์ GPS เพื่อการบินและยานยนต์ จากนั้นก็นำเทคโนโลยี GPS เข้าสู่ชีวิตประจำวันของผู้คน จนเกิดเป็นนาฬิกาออกกำลังกาย GPS เรือนแรกของโลก และขยายเข้าสู่อุตสาหกรรมกลางแจ้ง ฟิตเนส และสุขภาพ เพื่อครอบคลุมไลฟ์สไตล์และสุขภาพของผู้คนให้ได้มากยิ่งขึ้น
โดยยอดรับรู้รายได้ครึ่งปีแรก 2568 เติบโตทุบสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ด้วยรายได้ 3.34 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 109.46 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 16%