ธนาคารยูบีเอส เอจี ซึ่งเป็นธนาคารชื่อดังระดับโลกจากสวิสเซอร์แลนด์ เปิดเผยว่า ธุรกิจอีคอมเมิร์ซกำลังส่งผลกระทบไปถึง กลุ่มธุรกิจค้าปลีกแบบดั้งเดิมไม่ว่าจะเป็นศูนย์การค้า ห้างสรรพสินค้า ห้างดิสเคาท์สโตร์ หรือแม้แต่ห้างโมเดิร์นเทรด โดยคาดการณ์ว่าภายใน 5 ปีจากนี้เป็นต้นไป หรือในปี 2029 ธุรกิจอีคอมเมิร์ซจะส่งผลกระทบให้ร้านค้าปลีกต้องปิดตัวลงจำนวนมากถึง 45,000 แห่ง
สาเหตุจากธุรกิจขายปลีกออนไลน์ที่มีขนาดใหญ่โตในปัจจุบัน ซึ่งได้รับความนิยมมากขึ้นต่อเนื่อง ได้แก่ ชีอิน (Shein) มีฐานสำนักงานใหญ่อยู่ที่ประเทศสิงคโปร์ และเป็นแบรนด์ขายเสื้อผ้าแฟชั่นในราคาถูกหรือราคาประหยัดเมื่อเทียบกับร้านค้าปีกอื่นๆ หรือในออนไลน์ด้วยกัน และเทมู (Temu) ซึ่งเป็นธุรกิจอีคอมเมิร์ซยักษ์ใหญ่จากจีนแผ่นดินใหญ่ ซึ่งทั้งสองธุรกิจอีคอมเมิร์ซยักษ์ใหญ่นี้ใช้กลยุทธ์สินค้าราคาถูกบนตลาดโลกออนไลน์ที่ได้รับความนิยมเป็นวงกว้างมากขึ้นในอนาคต
นอกจากนี้ยังมีปัจจัยสำคัญได้แก่ ค่าเช่าพื้นที่ที่มีราคาแพงขึ้น รายจ่ายเกี่ยวกับเงินเดือนและผลตอบแทนให้กับพนักงานที่เพิ่มขึ้น รวมถึงการทุ่มลงทุน เพื่อขยายศักยภาพของเทคโนโลยีในการรองรับคำสั่งซื้อในธุรกิจค้าปลีก และที่สำคัญสถาบันการเงินอย่างเช่นธนาคารพาณิชย์นั้นได้เปลี่ยนเป้าหมายในการปล่อยสินเชื่อลดลงให้กับกลุ่มธุรกิจค้าปลีก ซึ่งในขณะนี้เห็นได้ชัดในไตรมาสที่หนึ่งของปีนี้ ล้วนเป็นแรงกดดันให้มีการเร่งตัวปิดสาขาร้านค้าปลีกมากขึ้น
ยูบีเอสได้ประเมินว่าทุกๆ 1% ของการขยายธุรกิจค้าปลีกอีคอมเมิร์ซ เจาะเข้าไปในตลาดสหรัฐอเมริกา ส่งผลให้ร้านค้าปลีกจำนวนประมาณ 8000 แห่งมีความจำเป็นจะต้องพิจารณาปิดสาขาลง ในเวลาเดียวกันสาขาของร้านค้าปลีกแบบดั้งเดิมจะลดบทบาทและกลายเป็นเฉพาะสถานที่หรือจุดรับสินค้าที่สั่งผ่านระบบออนไลน์เท่านั้น
ยูบีเอสเปิดเผยต่อไปว่าสำหรับประเภทธุรกิจร้านค้าปลีกที่จะได้รับผลกระทบนั้นมีความแตกต่างกัน โดยห้างสรรพสินค้า และร้านค้าปลีกเฉพาะทางจะได้รับผลกระทบมากที่สุด ธุรกิจร้านค้าปลีกประเภทสินค้าเครื่องนอน และเสื้อผ้าทั่วไปขนาดเล็กจะต้องเผชิญกับแรงกดดันถึงกับปิดตัวลงมี 16,500 แห่ง อย่างไรก็ตามธุรกิจค้าปลีกรายยักษ์ใหญ่ระดับโลกเช่น วอลมาร์ท และทาร์เก็ตซึ่งมีสภาพคล่องและสายป่านสูง จะกลายเป็นคู่แข่งขันโดยตรงกับแบรนด์ธุรกิจอีคอมเมิร์ซดังกล่าว
การขยายตัวของธุรกิจอีคอมเมิร์ซ และสามารถเจาะตลาดได้รวดเร็วมากยิ่งขึ้น ของทั้งแบรนด์ชีอิน และเทมู ซึ่งเป็นธุรกิจยักษ์ใหญ่ออนไลน์จากจีนแผ่นดินใหญ่ ทำให้เกิดพัฒนาการของอีคอมเมิร์ซในยุคต่อไป ด้วยการแข่งขันจากแบรนด์อีคอมเมิร์ซที่ไม่มีหน้าร้านของตัวเอง ชีอินกลายเป็นธุรกิจอีคอมเมิร์ซสำหรับเสื้อผ้าแฟชั่นราคาถูกที่ไม่มีสาขาเลยแม้แต่แห่งเดียวในสหรัฐอเมริกา
ทั้งนี้ ข้อมูลในไตรมาสที่ 3 ของปี 2023 ที่ผ่านมา พบว่า มีจำนวน 1,000,000 ที่อยู่ในธุรกิจค้าปลีก 958,533 แห่ง ในสหรัฐอเมริกา ข้อมูลในปี 2021 พบว่า 58% ของจำนวนร้านค้าปลีกที่ดำเนินกิจการโดยบริษัทต่างๆ นั้นมีจำนวนพนักงานน้อยกว่า 20 คน ท่ามกลาง 69% ของร้านค้าปลีกที่ดำเนินกิจการโดยแบรนด์เครือข่ายร้านค้าปลีก มีพนักงานที่น้อยกว่า 500 คน
