ลูสิด มอเตอร์ส (Lucid Motors) ธุรกิจสตาร์ทอัพผลิตผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้า หรือรถอีวีแบรนด์ดังในสหรัฐอเมริกา เปิดเผยว่า เตรียมปลดพนักงานครั้งใหญ่นับตั้งแต่ตั้งบริษัทเป็นมา โดยจะมีจำนวนพนักงานตกงานมากถึง 400 คนหรือคิดเป็น 6% ของจำนวนพนักงานประจำทั้งหมดในปัจจุบันที่มีอยู่ราว 6,500 คน ส่งผลให้จะมีค่าใช้จ่ายเกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวในการจ่ายชดเชยค่าใช้จ่ายต่างๆให้กับพนักงานระหว่าง 21-25 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 777-925 ล้านบาท
สำหรับนโยบายการปลดพนักงานครั้งใหญ่ของแบรนด์รถอีวี ลูสิด มอเตอร์ ในครั้งนี้ จะครอบคลุมพนักงานทุกระดับชั้นตั้งแต่ผู้บริหารระดับสูงลงถึงพนักงานที่อยู่ในสายการผลิตของโรงงานรถอีวีด้วย อย่างไรก็ตาม จะมีพนักงาน 2 ส่วนที่อาจจะไม่รับผลกระทบในการปลดออกในครั้งนี้ ได้แก่ พนักงานสัญญาจ้างที่ทำงานเป็นรายชั่วโมง ซึ่งอยู่ในสายการผลิตรถอีวี และพนักงานจัดส่งรถอีวี
สาเหตุจากต้องการตัดลด และควบคุมค่าใช้จ่ายท่ามกลางต้นทุนภาระทางการเงินที่มีอยู่สูงและต้นทุนวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตรถอีวีเพิ่มสูงต่อเนื่อง ปัจจัยดังกล่าวยังส่งผลกระทบไปถึงผู้บริโภคชาวอเมริกันตัดสินใจเลิกซื้อรถอีวีหลังจากเปรียบเทียบกับรถยนต์ประเภทเครื่องยนต์ไฮบริดซึ่งมีราคาถูกกว่า และค่าบำรุงรักษาซ่อมแซมทุกรายการถูกกว่ารถอีวีอย่างมาก
นับตั้งแต่ต้นปีนี้มาถึงปัจจุบันค่ายผู้ผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้าหรืออีวีแบรนด์อเมริกันที่อยู่ในสหรัฐอเมริกาล้วนใช้มาตรการตัดลดค่าใช้จ่ายครั้งใหญ่ต่อเนื่องด้วยการปลดพนักงานออกเป็นจำนวนมากเริ่มเริ่มจาก ริเวียน (Rivian) ผู้ผลิตรถกระบะและรถเอสยูวีไฟฟ้าชื่อดังในสหรัฐปลดพนักงานออกถึง 2 ครั้ง และเทสลาแบรนด์รถอีวีชื่อดังระดับโลกประกาศปลดพนักงานออกกว่า 14,000 คน หรือกว่า 10% ของพนักงานทั่วโลก
ทั้งนี้ ลูสิด ได้รับการประโคมข่าวจากบรรดาสื่อมวลชนว่าจะกลายเป็นแบรนด์รถอีวีที่มาท้าชนกับเทสลา ผู้ผลิตรถอีวีใหญ่อันดับ 2 ของโลก ด้วยการมีกลุ่มทุนจากประเทศซาอุดีอาระเบียมาลงทุนด้วย รวมถึงมีการเปิดตัวรุ่นแอร์เพียว หรือ Air Pure ซึ่งเป็นรถอีวีประเภทซีดานที่มีราคาถูกที่สุดของบริษัท นอกจากนี้ รถรุ่นดังกล่าวสามารถวิ่งได้ 659 กิโลเมตรต่อการชาร์จไฟฟ้า 1 ครั้ง ซึ่งทำได้ดีกว่าเทสลารุ่นโมเดล S ที่วิ่งได้ระยะทาง 651 กิโลเมตรต่อการชาร์จไฟฟ้า 1 ครั้ง