นายสุเมธ ประสงค์พงษ์ชัย ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ GIT เปิดเผยว่า การส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับ ไม่รวมทองคำ เดือน เม.ย.2568 มูลค่า 714.90 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 39.62% ขยายตัวเป็นบวกต่อเนื่อง 6 เดือนติดต่อกัน หากรวมทองคำ มูลค่า 1,726.67 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 115.65% และการส่งออกรวม 4 เดือนของปี 2568 (ม.ค.-เม.ย.) ไม่รวมทองคำ มูลค่า 5,801.30 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 91.76% รวมทองคำ มูลค่า 10,362.53 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 110.82%
ทั้งนี้ การส่งออกเฉพาะทองคำในเดือน เม.ย.2568 มีมูลค่า 1,011.76 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 250.52% จากการส่งออกไปเก็งกำไร และตามความต้องการหาซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย เพราะมีความกังวลเกี่ยวกับมาตรการภาษีของสหรัฐฯ การตอบโต้ของคู่ค้าหลายประเทศ ทำให้ราคาทองคำทำสถิติสูงสุดใหม่ที่ 3,500 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ในการซื้อขายวันที่ 22 เม.ย.2568 ส่วนยอดรวมส่งออกทองคำ 4 เดือน มีมูลค่า 4,561.22 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 141.33% และแยกเป็นรายเดือน ม.ค.2568 มูลค่า 1,167.87 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 148.95% ก.พ.2568 มูลค่า 933.63 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 26.395% มี.ค.2568 มูลค่า 1,447.95 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 269.55%
ขณะที่ ตลาดส่งออกสำคัญ สหรัฐฯ ยังคงส่งออกได้เพิ่มขึ้นสูงถึง 24.83% จากการเร่งนำเข้า เพื่อลดความเสี่ยงจากมาตรการภาษี ฮ่องกง เพิ่ม 12.03% เยอรมนี เพิ่ม 8.11% อิตาลี เพิ่ม 1.72% สหราชอาณาจักร เพิ่ม 29.37% สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เพิ่ม 14.24% ญี่ปุ่น เพิ่ม 44.37% ส่วนสวิตเซอร์แลนด์ ลด 2.81% เบลเยี่ยม ลด 24.09%
ส่วนการส่งออกสินค้า แพลทินัม ยังเพิ่มสูงถึง 135,096.38% จากการส่งออกไปอินเดียเกือบทั้งหมด เครื่องประดับเงิน เพิ่ม 20.19% เครื่องประดับทอง เพิ่ม 8.16% เครื่องประดับแพลทินัม เพิ่ม 106.43% พลอยเนื้อแข็งเจียระไน เพิ่ม 25.26% พลอยเนื้ออ่อนเจียระไน เพิ่ม 10.89% เครื่องประดับเทียม เพิ่ม 0.02% ส่วนพลอยก้อน ลด 47.14% เพชรก้อน ลด 37.02% เพชรเจียระไน ลด 32.75% เนื่องจากการส่งออกไปยังฮ่องกง เบลเยียม อินเดีย สหรัฐฯ และอิสราเอลลดลง
สำหรับ แนวโน้มการส่งออกในเดือน พ.ค.2568 คาดว่าจะยังคงขยายตัวได้ดีในหลายตลาด โดยเฉพาะสหรัฐฯ เพราะแม้สหรัฐฯ จะเลื่อนการปรับขึ้นภาษีตอบโต้ไป 90 วัน เริ่มมีผล 8 ก.ค.2568 ทำให้มีการเร่งนำเข้าเพื่อหลีกเลี่ยงภาษี เพราะไม่รู้ว่าอัตราสุดท้ายจะเป็นเช่นไร แม้ขณะนี้จะถูกเรียกเก็บที่ 10% ซึ่งก็ต้องติดตามผลการเจรจาของรัฐบาลไทยกับสหรัฐฯ หากได้ผลบวก ก็จะส่งผลดีต่อการส่งออกในระยะต่อไป แต่ก็ต้องระวังปัจจัยเสี่ยง ความไม่แน่นอนนโยบายการค้าสหรัฐฯ ปัญหาความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ ที่กระทบต่อการเติบโตของเศรษฐกิจโลก และค่าเงินบาทแข็งค่าที่จะฉุดขีดความสามารถในการส่งออก
