แอปเปิล อินคอร์ปอเรชั่น เปิดเผยว่าในช่วง 12 เดือนผ่านมาจนกระทั่งสิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2025 แอปเปิลเร่งผลิตไอโฟนจากโรงงานในประเทศอินเดียเป็นมูลค่ารวมถึง 22,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 760,000 ล้านบาท โดยการเพิ่มกำลังการผลิตสูงถึงเกือบ 60% เมื่อเปรียบเทียบกับในปี 2024 ที่ผ่านไปสาเหตุจากนโยบายการค้าของสหรัฐอเมริกา ซึ่งนำโดยประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา นายโดนัลด์ ทรัมป์ ที่นำไปสู่ความขัดแย้งทางการค้าให้ตึงเครียดและรุนแรงมากขึ้น จากกำลังการผลิตดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงไอโฟน 1 ใน 5 เครื่อง หรือราว 20% จะผลิตมาจากประเทศอินเดีย
แอปเปิล ผลิตไอโฟนจากโรงงานฟ็อกซ์คอนน์ ซึ่งเป็นโรงงานของบริษัทฟ็อกซ์คอนน์ เทคโนโลยี กรุ๊ป จากไต้หวันตั้งขึ้นเพื่อเป็นหนึ่งในซัพพลายเออร์ของแอปเปิลทำการผลิตและประกอบไอโฟนอยู่ภาคใต้ของประเทศอินเดีย นอกจากนี้ ไอโฟนยังร่วมมือกับวิสทรอน คอร์ป และพีคาทรอน คอร์ป ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของทาทา กรุ๊ป ซึ่งเป็นเครือข่ายอุตสาหกรรมยักษ์ใหญ่อันดับหนึ่งของประเทศอินเดีย ในการเป็นซัพพลายเออร์หลักให้กับไอโฟนในประเทศอินเดีย
สถานการณ์ดังกล่าวสะท้อนเห็นว่า แอปเปิลไดประเมินสถานการณ์ความขัดแย้งด้านนโยบายการค้าและการเมืองระหว่างประเทศระหว่างสหรัฐอเมริกากับจีน โดยเฉพาะนับตั้งแต่วิกฤตการณ์โรคระบาด โควิด-19 ในประเทศจีนที่ประธานาธิบดีจีน นายสีจิ้นผิงมีนโยบายแก้ไขสถานการณ์โรคโควิด-19 ในประเทศจีนอย่างรุนแรง และเข้มงวดจนกระทั่งส่งผลกระทบต่อบริษัทต่างประเทศที่ลงทุนในประเทศจีน จึงนำไปสู่การโยกย้ายฐานการผลิตออกจากประเทศจีนและนั่นหมายถึงแอปเปิลสร้างฐานการผลิตในประเทศอินเดียขึ้นมาอย่างชัดเจน
นโยบายและมาตรการภาษีนำเข้าสินค้าของรัฐบาลสหรัฐอเมริกามีเป้าหมายในการให้บริษัทสัญชาติอเมริกันและบริษัทต่างประเทศเข้าไปลงทุนในประเทศสหรัฐอเมริกามากยิ่งขึ้นนั้น แนวคิดดังกล่าวสำหรับแอปเปิล ซึ่งเป็นผู้ผลิตไอโฟนนั้นอาจเป็นเรื่องที่ยากภายในระยะเวลาอันสั้นถึงระยะกลางที่จะย้ายการผลิตไอโฟนออกจากประเทศจีนกลับสู่สหรัฐอเมริกา เนื่องจากแอปเปิลมีเครือข่ายการผลิต หรือซัพพลายเออร์เป็นจำนวนเกือบ 200 รายอยู่ในประเทศจีน นอกจากนี้ ซีอีโอของแอปเปิลเคยกล่าวว่าแรงงานชาวจีนที่มีฝีมือ และมีความชำนาญในระดับสูงในการผลิตไอโฟนให้กับแอปเปิล สำนักวิจัยบลูมเบิร์ก อินเมลลิเจนซ์ เคยเปิดเผยในปี 2022 ว่า แอปเปิลต้องใช้เวลานานถึง 8 ปีในการโยกย้ายเพียง 10% ของกำลังการผลิตของแอปเปิลออกจากประเทศจีนกลับไปยังสหรัฐอเมริกา
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีอินเดีย เปิดเผยว่าในปีงบประมาณสิ้นสุด 31 มีนาคม 2025 หรือรอบปีเศรษฐกิจ 2024 ผ่านมาพบว่า แอปเปิลผลิตไอโฟนและส่งออกจากประเทศอินเดียเป็นมูลค่ารวมทั้งสิ้น 1.5 ล้านล้านรูปี หรือ 17,400 ล้าน ดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 600,3000 ล้านบาท
ไทม์ ออฟ อินเดีย ซึ่งเป็นสำนักข่าวและสื่อชื่อดังของประเทศอินเดีย รายงานว่า แอปเปิล อินคอร์ปอเรชั่น ได้เช่าเครื่องบินแบบเช่าเหมาลำ ด้วยเครื่องบินโบอิ้ง 737 จำนวน 5 ลำ บินมามาประเทศอินเดีย เพื่อทยอยนำไอโฟนรุ่นต่างๆ ที่ผลิตจากโรงงานในประเทศอินเดียกลับเข้าไปในประเทศสหรัฐอเมริกาตั้งแต่มีนาคมเป็นต้นมา การขนไอโฟนมีจำนวนรวมกันหลากหลายรุ่นมากถึง 1.5 ล้านเครื่อง ซึ่งคิดเป็นน้ำหนักรวมมากถึง 600 ตัน ทั้งหมดใช้เวลาดำเนินการเพียง 3 วัน สาเหตุมาจาก ประเทศอินเดียเป็นฐานการผลิตสำคัญอีกแห่งของแอปเปิลในทวีปเอเชียนอกเหนือไปจากจีน ในช่วงเดือนมีนาคมดังกล่าว รัฐบาลสหรัฐอเมริกาเก็บอัตราภาษีนำเข้ากับสินค้าจากอินเดียเพียง 10% เท่านั้น ซึ่งต่ำมากหากเทียบกับอัตราภาษีศุลกากรที่เก็บจากจีน และประเทศอื่นๆ ในเอเชีย
สำหรับปฏิบัติการขนไอโฟนจำนวนกว่า 1.5 ล้านเครื่องกลับเข้ามาตุนไว้ให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้เพื่อขายในตลาดสหรัฐอเมริกานั้น เป็นการหลีกเลี่ยงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นจากมาตรการภาษีต่างตอบแทน หรือ Reciprocal Tariffs ของประธานาธิบดีสหรัฐที่ประกาศบังคับใช้เมื่อวันที่ 2 เมษายนผ่านมา ประเทศจีนต้องเผชิญกับอัตราภาษีดังกล่าวสูงที่สุดใน 185 ประเทศทั่วโลกที่ 145% ในทางตรงกันข้าม รัฐบาลสหรัฐอเมริกาประกาศเก็บอัตราภาษีดังกล่าวกับอินเดียเพียง 26% เท่านั้น ซึ่งถือว่าต่ำมาก ที่สำคัญ ยังได้การปรับลดลงมาที่ระดับ 10% เป็นการชั่วคราวในช่วง 90 วัน เพื่อเปิดช่องให้เจรจาอีกด้วย
ขณะที่ มีความเป็นไปได้มากที่แอปเปิล อินคอร์ปอเรชั่น จะสั่งเพิ่มกำลังการผลิตไอโฟนในโรงงานที่อินเดียอีก 20% โดยคาดกันว่าหากสงครามการค้ายังไม่ลดความร้อนแรง อาจมีการเพิ่มกำลังการผลิตในโรงงานอื่นๆ ที่กระจายอยู่ทั่วโลกด้วย อินเดียมีโรงงานผลิตไอโฟนอยู่ 3 แห่ง เมื่อปี 2024 อินเดียมียอดผลิตไอโฟนรวมอยู่ที่ 20 ล้านเครื่อง ซึ่งมีผลิตรุ่น 15 และ 16 รวมอยู่ด้วย
