แอลจีเทเงินลงทุนกว่า 3,000 ล้านบาทขึ้นโรงงานผลิตเครื่องซักผ้าในสหรัฐ ลดผลิตในเวียดนามและอินโดนีเซีย ลดเสี่ยงและไม่แน่นอนจากสงครามภาษีสหรัฐ

แอลจี เทเงินลงทุนกว่า 3,000 ล้านบาทขึ้นโรงงานผลิตเครื่องซักผ้าในสหรัฐ ลดผลิตในเวียดนามและอินโดนีเซีย ลดเสี่ยงและไม่แน่นอนจากสงครามภาษีสหรัฐ

แอลจี อิเล็กทรอนิคส์ เปิดเผยว่า เตรียมขยายการลงทุนโรงงานในประเทศสหรัฐอเมริกาด้วยเงินลงทุน 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 3,300 ล้านบาท เพื่อสร้างโรงงานผลิตเครื่องซักผ้า และเครื่องอบผ้าในรัฐเทนเนสซี ประเทศสหรัฐอเมริกา ในขณะเดียวกัน แอลจี อิเล็กทรอนิคส์ จะลดการผลิตสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ที่อยู่ในกลุ่มประเทศอาเซียน ได้แก่ เวียดนาม และอินโดนีเซีย สาเหตุมาจากความเสี่ยง และความไม่แน่นอนสูงจากมาตรการภาษีและการค้าที่รัฐบาลสหรัฐอเมริกาได้ประกาศบังคับใช้กับประเทศในแถบอาเซียน ซึ่งมีอัตราภาษีสูงมาก ที่สำคัญยังมองไม่เห็นความชัดเจนในอนาคตว่าการเจรจาข้อตกลงอัตราภาษีต่างตอบแทน หรือ Reciprocal Tariffs ของทั้งสองประเทศในอาเซียนกับสหรัฐอเมริกาจะลงเอยอย่างไร

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร หรือซีอีโอ นายวิลเลียม โช กล่าวว่า แอลจีเป็นผู้ผลิตที่มีระบบการผลิตแบบครบวงจรในสหรัฐอเมริกา เริ่มตั้งแต่ชิ้นส่วนไปจนถึงสินค้าสําเร็จรูป และคิดว่าสามารถสร้างผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการยกเว้นภาษีได้ เช่น ตู้เย็น และเตาอบ บริษัทยังวางแผนที่จะเพิ่มผลผลิตในประเทศเม็กซิโก ซึ่งได้รับการยกเว้นจากประเภทภาษีต่างตอบแทน หรือ Reciprocal Tariffs จากรัฐบาลสหรัฐอเมริกา ที่ประกาศเมื่อต้นเดือนเมษายนผ่านมา

ปัจจุบันนี้ แอลจีพึ่งพา 3 ส่วนหลักของสินค้าที่จำหน่าย ได้แก่ เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน โทรทัศน์ และแบตเตอรี่รถยนต์ ตลาดอเมริกาเหนือคิดเป็น 26% ของยอดขายของบริษัทในปี 2024 ซึ่งหลังตลาดเกาหลีใต้ที่ 41%

แอลจี อิเล็กทรอนิคส์ เปิดเผยว่าจะลดการพึ่งพาการผลิตสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรืออาเซียน โดยเฉพาะเวียดนาม อัตราการใช้ประโยชน์จากการผลิตและการประกอบตู้เย็นจะปรับลดลงที่โรงงานในเมืองไฮฟอง ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของประเทศเวียดนาม นอกจากนี้ บริษัทกําลังพิจารณายกเลิกแผนการขยายการผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าในเวียดนาม และอินโดนีเซีย

ในด้านผลการดำเนินงานของแอลจี อิเล็กทรอนิคส์ พบว่า ค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นกำลังเป็นอุปสรรคกับผลประกอบการ แม้ว่ายอดขายจะเพิ่มขึ้น 7.8% เป็นมูลค่า 22.74 ล้านล้านวอน หรือ 16,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 547,800 ล้านบาทในไตรมาสแรกของปี 2568 แต่ผลกำไรจากการดําเนินงานลดลง 5.7% มาอยู่ที่ 1.26 ล้านล้านวอน หรือกว่า 29,862 ล้านบาท จากค่าใช้จ่ายด้านโลจิสติกส์และวัสดุที่สูงขึ้น

ทั้งนี้ ประธานาธิบดีสหรัฐ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศภาษีต่างตอบแทน หรือ Reciprocal Tariffs กับประเทศเวียดนามที่ระดับ 46% และอินโดนีเซียที่ 32% แต่อยู่ในช่วงผ่อนผันได้ถึงวันที่ 8 กรกฎาคม 2025 นี้

ติดตาม BTimes ได้ตามช่องทางข้างล่างนี้
Latest Posts

Related Articles