โกลด์แมน แซคส์ เปิดเผยคาดการณ์แนวโน้มราคาทองคำ โดยได้เลื่อนการคาดการณ์ที่ว่าราคาทองคำจะพุ่งขึ้นแตะระดับ 3,000 ดอลลาร์/ออนซ์ออกไปเป็นช่วงกลางปี 2569 จากเดิมที่คาดว่าราคาทองจะแตะที่ระดับดังกล่าวภายในสิ้นปี 2568 เนื่องจากธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) มีแนวโน้มที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยน้อยลงในปีนี้
ทั้งนี้จากการผ่อนคลายนโยบายการเงินที่ช้าลงในปี 2568 จะส่งผลให้ความต้องการการลงทุนในกองทุน ETF ทองคำลดน้อยลง ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้ทีมนักวิเคราะห์ของโกลด์แมน แซคส์ คาดการณ์ว่าราคาทองคำจะแตะที่ระดับ 2,910 ดอลลาร์/ออนซ์ภายในสิ้นปีนี้
แม้ราคาทองคำเผชิญกับแรงผลักดันที่ขัดแย้งกัน คือความต้องการเก็งกำไรที่ลดน้อยลงและการที่ธนาคารกลางเข้าซื้อทองคำเพิ่มขึ้นนั้น ได้ส่งผลให้ราคาทองคำเคลื่อนไหวในกรอบแคบ ๆ ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา” นักวิเคราะห์ของโกลด์แมน แซคส์ ระบุ และเสริมว่าความต้องการทองคำของธนาคารกลางจะยังคงเป็นปัจจัยขับเคลื่อนสำคัญของราคาในระยะยาว “ส่วนทิศทางในวันข้างหน้านั้น เราคาดการณ์ว่าการซื้อทองคำรายเดือนของธนาคารกลางโดยเฉลี่ยจะอยู่ที่ 38 ตันจนถึงกลางปี 2569
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ราคาทองคำพุ่งขึ้น 27% ในปี 2567 และทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยได้แรงหนุนจากการผ่อนคลายนโยบายการเงินของเฟด รวมทั้งความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัย และการที่ธนาคารกลางทั่วโลกเข้าซื้ออย่างต่อเนื่อง แต่แรงบวกของทองคำอ่อนแรงลงในช่วงต้นเดือนพ.ย. หลังจากชัยชนะในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ของโดนัลด์ ทรัมป์ ส่งผลให้สกุลเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น และล่าสุดเมื่อไม่นานมานี้ ราคาทองคำได้รับแรงกดดันเนื่องจากเจ้าหน้าที่เฟดได้เน้นย้ำถึงความจำเป็นในการใช้แนวทางที่ระมัดระวังมากขึ้นในการลดอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ ท่ามกลางความกังวลเรื่องเงินเฟ้อที่กลับมาอีกครั้ง
