โฆษกรัฐบาล ยัน ตัวเลขเปิดกิจการโรงงานใหม่ การจ้างงานใหม่ สูงกว่ายอดปิดตัวลง 

นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกระแสข่าวการปิดกิจการโรงงานในปัจจุบัน ว่า เป็นธรรมดาที่แต่ละปีมีกิจการ โรงงาน ที่ต้องปิดตัวลงและเลิกจ้างงาน ที่อาจเกิดขึ้นจากหลายสาเหตุ ในขณะเดียวกันก็มีกิจการโรงงานใหม่มาทดแทน พร้อมกับการจ้างงานใหม่ที่เกิดขึ้น เมื่อพิจารณาตัวเลขจำนวนโรงงานที่ปิดตัวลง กับโรงงานที่เปิดใหม่จะพบว่า ภาพรวมการดำเนินกิจการโรงงานในปัจจุบันยังคงขยายตัว โดยข้อมูลจากกรมโรงงานอุตสาหกรรมพบว่าระหว่างเดือนมกราคมพฤษภาคม 2567 มีโรงงานเปิดกิจการใหม่ 848 โรงงาน มีโรงงานขยายกิจการ 126 โรงงาน ขณะเดียวกันมีโรงงานปิดกิจการ 488 โรงงาน อัตราส่วนจำนวนโรงงานเปิดใหม่สูงกว่าปิดกิจการถึง 73.77%

นายชัย กล่าวว่า ช่วงระยะเวลา ตั้งแต่มกราคมพฤษภาคม 2567 มีมูลค่าการลงทุนของการเปิดโรงงานใหม่ในประเทศไทยถึง 149,889 ล้านบาท ส่วนโรงงานเดิมที่มีการขยายกิจการมีการลงทุนเพิ่มขึ้น 11,748 ล้านบาท ในขณะที่การปิดกิจการคิดเป็นมูลค่า 14,042 ล้านบาท ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่ามีเงินลงทุนมากกว่าปิดกิจการกว่า 10 เท่า นอกจากนี้ ในด้านการจ้างงานในภาคอุตสาหกรรม การเปิดโรงงานใหม่มีการจ้างงานถึง 33,787 คน ส่วนการปิดกิจการมีการเลิกจ้างงาน 12,551 คน แสดงให้เห็นว่าการจ้างงานมีมากกว่าการเลิกจ้างงานจากการปิดกิจการ คิดเป็น 169%

รัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้วางนโยบายเพื่อส่งเสริมความแข็งแกร่งให้กับอุตสาหกรรม ทั้งในระยะสั้น และระยะยาว โดยในระยะสั้น ได้แก่ การกระตุ้นตลาดในประเทศ ออกมาตรการกระตุ้นการซื้อสินค้าจากผู้ผลิตในประเทศ พัฒนาสมรรถนะแรงงานด้านเทคโนโลยีการผลิตในประเทศ สนับสนุนเงินทุนเพื่อแก้ปัญหาสภาพคล่อง เชื่อมโยงห่วงโซ่การผลิต และส่งเสริมการลงทุน รวมทั้งมาตรการระยะยาว ได้แก่ มุ่งปรับอุตสาหกรรมให้ตอบโจทย์ต้องการของโลก พัฒนาปัจจัยแวดล้อมที่เอื้ออำนวยความสะดวกในการประกอบธุรกิจ สร้างอุตสาหกรรมใหม่ที่โลกต้องการ และส่งเสริม Green Productivity เพิ่มผลิตภาพของภาคอุตสาหกรรม สร้างความเข้มแข็งควบคู่ไปกับความยั่งยืน

นายกรัฐมนตรีมุ่งขับเคลื่อนภาคอุตสาหกรรมให้เติบโต และเมื่อพิจารณาจากตัวเลขของกรมโรงงานอุตสาหกรรม ตัวเลขการเปิดตัวของโรงงานยังเป็นไปด้วยดี และดีกว่าตัวเลขในสองปีก่อนหน้านี้ รวมทั้งตัวเลขการจ้างงานยังมีสูงกว่าการเลิกจ้างมาก แสดงให้เห็นว่า รัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจต่อการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ให้ความสำคัญกับความอยู่รอดของผู้ประกอบการ การดำรงชีวิต วิถีชีวิตของพี่น้องประชาชน พร้อมส่งเสริมความสามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรมในประเทศด้วยมาตรการทั้งระยะสั้นและระยะยาวอย่างครอบคลุมถึงอุตสาหกรรมอนาคต ทั้งนี้ ขอชี้แจงด้วยหลักฐานและเหตุผล การดำเนินกิจการต้องปรับตัว เปลี่ยนแปลงไปตามกระแสโลกธุรกิจเป็นธรรมดา ซึ่งรัฐบาลได้วางแนวทางให้การช่วยเหลือประชาชนให้เท่าทันต่อการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอนายชัย กล่าว

ติดตาม BTimes ได้ตามช่องทางข้างล่างนี้
Latest Posts

Related Articles