สำนักข่าวรอยเตอร์ส รายงานว่า นาย โดนัลด์ ทรัมป์ อายุ 78 ปี ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐคนที่ 47 และอดีตประธานาธิบดีสหรัฐคนที่ 45 มีคะแนนรวมคณะผู้เลือกตั้ง หรือ Electoral Voters รวมสะสมแตะ 312 คะแนน ชนะนางกมลา แฮร์ริส ที่ได้คะแนนสะสมที่ 226 เสียง สาเหตุจากนายโดนัลด์ ทรัมป์ ชนะเลือกตั้งในรัฐแอริโซน่า ซึ่งเป็น 1 ใน 7 รัฐสวิง ส่งผลได้คะแนนคณะผู้เลือกตั้งเพิ่มอีก 11 เสียง รวมเป็น 312 เสียง การชนะในรัฐแอริโซน่าปีนี้ ทำให้นายทรัมป์สามารถเปลี่ยนแปลงฐานคะแนนเสียงของพรรคเดโมแครตในยุคสมัยนายโจ ไบเดน ที่ชนะในรัฐแอริโซน่าเมื่อปี 2020 ผ่านมา ให้กลายเป็นของพรรครีพลับลิกันเป็นผลสำเร็จ
ขณะที่คะแนนเสียงจากการลงคะแนนของประชาชนผู้ไปใช้สิทธิ์ลงคะแนนของนายโดนัลด์ ทรัมป์ อยู่ที่ 74,535,467 คะแนน หรือ 50.4% ส่วนนางกมลา แฮร์ริส ได้ 70,858,691 คะแนน หรือ 47.9% ทำให้นายโดนัลด์ ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดีสหรัฐคนที่ 45 ชนะการเลือกตั้งขึ้นเป็นว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐคนที่ 47 อย่างเป็นทางการ สร้างประวัติศาสตร์ด้วยการกลับมาชนะเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีสหรัฐคนแรกในรอบกว่า 132 ปีที่สามารถกลับมาชนะได้หลังพลาดการเป็นประธานาธิบดีสหรัฐคนที่ 46 เมื่อปี 2020 ในปี 1892 เป็นปีที่อดีตประธานาธิบดีสหรัฐ นายโกรเวอร์ คลีฟแลนด์ สามารถกลับมาชนะเลือกตั้งในวาระที่ 2 โดยทิ้งช่วงห่าง 1 สมัย
สำหรับคะแนนในทั้ง 7 รัฐสวิงจนถึงวันนี้ 8 พฤศจิกายน 2024 ตามเวลาไทย มีการนับคะแนนไปแล้ว 99% ในทั้ง 7 รัฐสวิง พบว่า โดนัลด์ ทรัมป์ ได้คะแนนชนะในทั้ง 7 รัฐสวิง ดังนี้ รัฐเพนซิลวาเนีย 51:48 รัฐจอร์เจีย 51:48 รัฐนอร์ท แคโรไลนา 51:48 รัฐมิชิแกน 50:48 รัฐแอริโซนา 53:46 รัฐวิสคอนซิน 50:49 และรัฐเนวาดา 51:47
ขณะที่นายเจดี แวนซ์ ซึ่งลงชิงชัยในตำแหน่งรองประธานาธิบดีสหรัฐ คู่กับนายโดนัลด์ ทรัมป์ ในครั้งนี้ ได้กลายเป็นว่าที่รองประธานาธิบดีสหรัฐที่อยู่ในกลุ่มวัยมิลเลนเนียมในทำเนียบขาว สหรัฐอเมริกา
ก่อนหน้านี้ สำนักข่าวฟ๊อกซ์นิวส์ (Fox News) เป็นสำนักข่าวในสหรัฐอเมริกาแห่งแรก ที่ประกาศว่านายโดนัลด์ ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดีสหรัฐคนที่ 45 ได้รับการคาดการณ์ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ 2024 หรือคนที่ 47
ขณะที่การเลือกตั้งวุฒิสมาชิก พบว่าพรรครีพลับลิกันได้จำนวนที่นั่ง 52 เสียงได้เพิ่มขึ้นมา 3 เสียง ต่อพรรคเดโมแครตที่ 46 เสียง เสียไป 3 คะแนนเสียง สอดคล้องกับจำนวนเสียงสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรครีพลับลิกันอยู่ที่ 213 เสียง ได้เพิ่ม 1 เสียง ต่อพรรคเดโมแครตที่ 205 เสียง เสียไป 1 เสียง และการเลือกตั้งผู้ว่าการรัฐจากพรรครีพลับลิกันมีจำนวน 27 เสียงต่อพรรคเดโมแครตที่ 23 เสียง