บริษัทโบอิ้ง (Boeing) อินคอร์ปเรชั่น ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตอากาศยานยักษ์ใหญ่แห่งหนึ่งของโลกในสหรัฐอเมริกา เปิดเผยว่า เตรียมจ่ายเงินค่าจ้างให้กับพนักงานที่ถูกพักงานชั่วคราวจำนวนหลายพันคนที่อยู่ในช่วงพนักงานสหภาพแรงงานจำนวน 33,000 คนผละงานเป็นเวลา 7 สัปดาห์ติดต่อกัน หรือนับตั้งแต่วันที่ 13 กันยายน ซึ่งเป็นการประท้วงครั้งใหญ่ในรอบ 18 ปี หรือนับตั้งแต่ปี 2006 ทำให้ต้องหยุดผลิตเครื่องบินโบอิ้งรุ่น 737 MAX รุ่น 767 และรุ่น 777 ทั้งหมด
อย่างไรก็ตาม โบอิ้งประกาศยืนยันที่จะต้องปลดพนักงานจำนวนมากถึง 17,000 คน หรือ 10% ของพนักงานทั้งหมด ตามที่ได้เคยประกาศไว้เมื่อกว่า 2 เดือนที่ผ่านมา โดยกลุ่มพนักงานชุดแรกที่จะถูกปลดนั้นเป็นพนักงานที่อยู่ในสายวิศวกร ซึ่งจะเริ่มแจ้งให้พนักงานที่เข้าข่ายถูกปลดออกในวันที่ 15 พฤศจิกายนนี้เป็นต้นไป
การประท้วงครั้งใหญ่ของพนักงานสังกัดสหภาพแรงงานในครั้งนี้ยุติลงเมื่อกลางสัปดาห์นี้ ฝ่ายบริหารโบอิ้งมีมติปรับขึ้นค่าจ้างอีก 38% จากอัตราในปัจจุบัน ซึ่งจะเป็นอัตราใหม่ที่ใช้ในช่วง 4 ปีจากนี้ไป และตกลงจ่ายเงินโบนัสคนละ 12,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 420,000 บาทต่อคนภายในสิ้นปีนี้ ข้อตกลงนี้เป็นที่พอใจของพนักงานสหภาพแรงงานที่ผละงานประท้วงของโรงงานโบอิ้งในฝั่งตะวันตกของสหรัฐอเมริกา
ในเดือนผ่านมา โบอิ้งได้ระดมทุนเพื่อเสริมสภาพคล่องให้กับบริษัทเป็นมูลค่า 24,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 840,000 ล้านบาท เนื่องจากการผละงานประท้วงของพนักงานจำนวนกว่า 33,000 คนเป็นเวลา 7 สัปดาห์ ได้ทำให้บริษัทเสียหายถึงวันละประมาณ 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่าวันละ 3,500 ล้านบาทต่อวัน
ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 17 กันยายนผ่านมา นายไบรอัน เวสท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน หรือซีเอฟโอ บริษัทโบอิ้ง อินคอร์ปเรชั่น เปิดเผยว่า จำเป็นต้องประกาศมาตรการหยุดรับสมัครพนักงาน ใหม่ และปิดรับตำแหน่งงานใหม่ รวมถึงการยกเลิกการปรับขึ้นผลตอบแทนใหม่ให้กับพนักงานที่ได้รับการปรับเลื่อนตำแหน่งสูงขึ้น นอกจากนี้ กำลังพิจารณาให้พนักงานระดับบริหาร ได้แก่ ผู้บริหารระดับสูง ระดับอาวุโส ระดับผู้จัดการ พนักงานระดับปฏิบัติงาน มีการพักงานในช่วงระยะเวลาที่บริษัทกำลังกำหนดขึ้น นอกจากนี้ ไม่อนุมัติค่าใช้จ่ายในการเดินทางของพนักงานที่ไม่จำเป็นอย่างมากต่อบริษัท
ซีเอฟโอ บริษัทโบอิ้ง อินคอร์ปเรชั่น กล่าวอีกว่า การผละงานประท้วงครั้งใหญ่ในรอบ 18 ปี ของพนักงานโบอิ้ง เป็นอันตรายต่อการฟื้นตัวทางธุรกิจของโบอิ้งอย่างชัดเจน และบริษัทมีความจำเป็นต้องดำเนินมาตรการที่เด็ดขาด ในการรักษากระแสเงินสด และปกป้องหุ้นของบริษัทโบอิ้งในอนาคตด้วย ด้าน 2 บริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือในการลงทุน หรือเรตติ้ง ชื่อดังระดับโลก ได้แก่ ฟิทช์ เรตติ้ง และมู้ดี้ส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส เปิดเผยว่า การปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือระดับการลงทุนของโบอิ้งกำลังจะเกิดขึ้นในอีกไม่ช้านี้ ด้านผลประกอบการของโบอิ้ง ปรากฏว่า มีสถานะการเงินที่อ่อนแอลง นับตั้งแต่ปี 2019 เป็นต้นมา โบอิ้ง อินคอร์ปอเรชั่น มีผลขาดทุนสะสมสูงถึง 33,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 1.12 ล้านล้านบาท