สถานการณ์การเจรจาครั้งที่ 5 เริ่มต้นมาตั้งแต่วันจันทร์ที่ผ่านมา ที่ใช้เวลาต่อเนื่องกว่า 70 ชั่วโมง ซึ่งกลายเป็นตำนานการเจรจาที่ยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์ 87 ปี ของบริษัท โฟล์คสวาเก้น เอจี ระหว่างฝ่ายบริหารระดับสูงสุดกับฝ่ายบริหารสหภาพแรงงานโฟล์คสวาเก้น เอจี ได้สิ้นสุดลงในคืนผ่านมา
นายโอลิเวอร์ บลูเม่ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม หรือกรุ๊ปซีอีโอ โฟล์คสวาเก้น เอจี ซึ่งเป็นผู้ผลิตรถยนต์ใหญ่ที่สุดในเยอรมนี และในยุโรป ออกแถลงการณ์ผลการเจรจากับประธานสภาแรงงาน และคณะเจรจาจากสหภาพแรงงานโฟล์คสวาเก้น เอจี ว่า ทั้ง 2 ฝ่ายได้ข้อยุติแผนการตัดลดค่าใช้จ่ายครั้งใหญ่ตามนโยบายของบริษัท ด้วยการไม่มีการปลดพนักงาน และไม่มีการปิดโรงงานทันทีตามที่เคยประกาศไปก่อนหน้านี้ อย่างไรก็ตาม ฝ่ายบริหารและสหภาพแรงงานเห็นตรงกันที่จะต้องตัดลดค่าใช้จ่ายครั้งใหญ่ในอนาคต จึงได้ข้อสรุปว่า โฟล์คสวาเก้น เอจี จะปลดพนักงานในอนาคตมากขึ้นเป็น 35,000 คนจากเดิมที่ประกาศไว้ 10,000 คน หรือคิดเป็นปลด 25% ของพนักงานทั้งหมดในปัจจุบัน จำนวนพนักงานที่จะ ถูกปลดนั้น ส่งผลให้จำนวนการผลิตรถยนต์จากเครือข่ายของโรงงาน จะลดลงกว่า 700,000 คันในเยอรมนี
นอกจากนี้ ฝ่ายบริหารจะพิจารณาทางเลือกหลายด้านในการตัดลดค่าใช้จ่ายของทั้ง 2 โรงงานสำคัญ ได้แก่ โรงงานเดรสเดน และโรงงานออสนาบรูเอค ในประเทศเยอรมนี ซึ่งหนึ่งในทางเลือก คือ การเสนอหานักลงทุนที่สนใจมาซื้อโรงงานด้วย ในขณะเดียวกัน จะย้ายการผลิตในบางส่วนออกจากเยอรมนีไปยังประเทศเม็กซิโก
โฟล์คสวาเก้น เอจี จะลดกำลังการผลิตที่โรงงานวอล์ฟเบิร์ก ซึ่งเป็นโรงงานที่ใหญ่ที่สุดของบริษัท ด้วยการปรับลดสายการผลิตรถยนต์ลง 50% จากเดิมที่มีการผลิตที่ 4 ลดลงมาเหลือเพียง 2 สายการผลิตเท่านั้น
สำหรับการปิดการผลิตรถยนต์ของโรงงานโฟล์คสวาเก้น เอจี ที่เดรสเดนนั้น บริษัทฯ จะเลื่อนการยุติการผลิตรถยนต์จากเดิมที่จะต้องยุติการผลิตพร้อมกับปิดโรงงานทันที หรือปิดภายในสิ้นปีนี้ ออกไปเป็นยุติการผลิตพร้อมกับปิดโรงงานดังกล่าวภายในสิ้นปี 2025 โฟล์คสวาเก้น เอจี ไม่ปรับขึ้นเงินเดือนและผลตอบแทนอื่นๆของพนักงานในช่วง 4 ปีข้างหน้าเริ่มตั้งแต่ปี 2025 เป็นต้นไป นอกจากนี้ ประเภทของโบนัสที่พิจารณาให้กับพนักงานจะได้รับการปรับลดลง หรือยกเลิกในที่สุด ซึ่งเป็นไปตามผลการเจรจาที่ยินยอมทั้ง 2 ฝ่าย
นายแดนีลา คาวัลโล ประธาสภาแรงงานพนักงานบริษัทโฟล์คสวาเก้น เอจี ซึ่งผู้ผลิตรถยนต์ใหญ่ที่สุดในเยอรมนี และในยุโรป กล่าวว่า การ เจรจาที่สิ้นสุดลงในครั้งนี้ทำให้ไม่มีพนักงานคนใด จะถูกปลดออกเนื่องด้วยเหตุผลของการปฎิบัติการไม่มีโรงงานผลิตรถยนต์ที่ใดที่จะปิดตัวลงทันที และข้อตกลงใดๆ เกี่ยวกับค่าจ้างของบริษัทจะมีความมั่นคงในระยะยาวหรือในอนาคตต่อไป
กรุ๊ปซีอีโอ โฟล์คสวาเก้น เอจี เปิดเผยว่า ข้อยุติที่ได้จากการเจรจากับสหภาพแรงงานในครั้งนี้ส่งผลให้เกิดการประหยัดค่าใช้จ่ายโดยเฉพาะในช่วงระยะกลางเป็นปีละ 15,000 ล้าน ยูโร หรือ 15,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 540,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นการประหยัดที่เพิ่มขึ้นจากเป้าหมายเดิมที่กำหนดไว้ปีละ 10,000 ล้านยูโร หรือกว่า 357,500 ล้านบาท การประหยัดค่าใช้จ่ายดังกล่าวส่งผลให้ไม่มีผลกระทบที่สำคัญต่อตัวเลขคาดการณ์ผลการดำเนินงานของปี 2024 นี้ กรุ๊ปซีอีโอ โฟล์คสวาเก้น เอจี กล่าวต่อไปว่า โฟล์คสวาเก้น เอจี ได้กลับมาในจุดที่จะทำให้บริษัทประสบความสำเร็จในการกำหนดอนาคตของเราต่อไป
ทั้งนี้ ธนาคารยูบีเอสเอจี ซึ่งเป็นธนาคารชื่อดังระดับโลก เปิดเผยว่า การประท้วงของพนักงานโฟล์คสวาเก้น เอจี ทุกรอบนับตั้งแต่มีการเริ่มต้นขึ้นเมื่อเดือนกันยายนเรื่อยมาจนกระทั่งถึงการเจรจาในรอบสุดท้ายนับตั้งแต่วันจันทร์ที่ผ่านมาจนถึงเมื่อคืนนี้ ได้ส่งผลกระทบต่อรายได้ของโฟล์คสวาเก้น เอจี รวมกันถึง 100 ล้านยูโร หรือกว่า 3,575 ล้านบาท และยังส่งผลกระทบต่อกำไรจากการประกอบกิจการอีก 20 ล้านยูโร หรือกว่า 715 ล้านบาท โดยคิดอยู่บนพื้นฐานการผลิตรถยนต์ที่เหลือเพียง 2,000 ถึง 3,000 คันต่อวัน