โรงงานในไทยเปิดใหม่ขาลงต่อเนื่อง จบครึ่งแรกปี 2568 ปิดโรงงานลดลงแต่เปิดโรงงานใหม่ดำดิ่งหนักกว่า -30% เปิด 4 ธุรกิจหั่นกำลังการผลิตดิ่งมากสุดเกิน 2 หลัก ครึ่งหลังของปีส่อปิดเพิ่มแถมเปิดใหม่ลด

โรงงาน ในไทยเปิดใหม่ขาลงต่อเนื่อง จบครึ่งแรกปี 2568 ปิดโรงงานลดลงแต่เปิดโรงงานใหม่ดำดิ่งหนักกว่า -30% เปิด 4 ธุรกิจหั่นกำลังการผลิตดิ่งมากสุดเกิน 2 หลัก ครึ่งหลังของปีส่อปิดเพิ่มแถมเปิดใหม่ลด

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เปิดเผยว่าในช่วงครึ่งแรกของปี 2568 แม้จำนวนโรงงานที่เปิดใหม่สะสมยังคงมากกว่าจำนวนโรงงานที่ปิดตัวสะสม แต่ส่วนต่างของการเปิดใหม่หักด้วยการปิดตัวของโรงงาน ลดลงต่อเนื่องเป็นปีที่ 4 โดยจำนวนโรงงานเปิดใหม่ลดลง 33% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

ส่วนต่างการเปิดใหม่หักด้วยการปิดตัวของโรงงานในหลายอุตสาหกรรมให้ภาพที่แย่ลง อาทิ เฟอร์นิเจอร์ ยานยนต์ และโลหะ สอดรับไปกับอัตราการใช้กำลังการผลิตที่หดตัว ไปข้างหน้า ผลจากการเก็บภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ อาจทำให้โรงงานลำบากขึ้น

คาดว่า ในช่วงครึ่งหลังของปี 2568 โรงงานภาคการผลิตมีแนวโน้มเปิดใหม่ลดลง และปิดตัวต่อ จากหลายปัจจัยเสี่ยง ไม่ว่าจะเป็น กำลังซื้อในประเทศลดลง ผลจากสงครามการค้ารอบใหม่ รวมถึงต้นทุนการผลิตหลายรายการยังผันผวนและอาจปรับสูงขึ้นอีก

สำหรับจำนวนการปิดและเปิดโรงงานในครึ่งปีแรกของปี 2565 ถึง 2567 มีดังนี้ 2565 พบว่า โรงงานเปิดตัว 1,122 แห่ง โรงงานปิดตัว 508 แห่ง ทำให้ส่วนต่างเปิด/ปิดโรงงาน 614 แห่ง ในครึ่งปีแรกของปี 2566 มีโรงงานเปิดตัว 1,013 แห่ง และปิดตัว 627 แห่ง ทำให้ส่วนต่างเปิด/ปิดโรงงานอยู่ที่ 386 แห่ง และในครึ่งปีแรก 2567 มีโรงงานเปิดตัว 1,009 แห่ง และปิดตัว 667 แห่ง ส่งผลส่วนต่างเปิด/ปิดโรงงานอยู่ที่ 342 แห่ง และในครึ่งปีแรก 2568 มีโรงงานเปิดตัว 674 แห่ง และปิดตัว 358 แห่ง ทำให้ส่วนต่างเปิด/ปิดโรงงาน 316 แห่ง ทั้งนี้ ส่วนต่างการเปิดใหม่หักด้วยการปิดตัวของโรงงานในหลายอุตสาหกรรมให้ภาพที่แย่ลง อาทิ เฟอร์นิเจอร์ ยานยนต์ และโลหะ

ด้านอัตราการใช้กำลังการผลิตที่หดตัว โดยช่วง 6 เดือนแรกปีนี้ พบว่าลดลง -5% เมื่อเทียบกับปี 2564 โดยอุตสหกรรมที่มีอัตราการผลิตหดตัวมากสุด มีดังนี้ 1.เครื่องใช้ไฟฟ้า -33% 2.เฟอร์นิเจอร์ -24% 3.อิเล็กทรอนิกส์ -30% 4.ยานยนต์ -12% 5.สิ่งทอ -9% 6.เครื่องแต่งกาย -7% และ 7.เหล็กโลหะ -5%

ทั้งนี้ ปัจจัยเสี่ยงที่กระทบการเปิด-ปิดของโรงงานในภาคการผลิต ได้แก่ 1.กำลังซื้อในประเทศลดลงและหนี้ครัวเรือนระดับสูง คนยังระวังการใช้จ่ายโดยเฉพาะสินค้าในหมวดคงทน 2.ผลจากสงครามการค้ารอบใหม่ และภาษีการค้าทรัมป์ 2.0 ทำให้กดดันการส่งออก และต้องแข่งขันกับสินค้านำเข้า และ 3.ต้นทุนการผลิตหลายรายการยังผันผวนและอาจปรับสูงขึ้นอีก

ติดตาม BTimes ได้ตามช่องทางข้างล่างนี้
Latest Posts

Related Articles