ใกล้จบ 3 เดือนแรกปี 68 ราคาทองคำในไทยทะยานกว่า 7,000 บาท พุ่งเฉียด 17% ราคาปิดวันเสาร์ยังสูงสุดเป็นประวัติศาสตร์ครั้งใหม่ ทองแท่งแตะ 49,600 ทำนิวไฮครั้งที่ 9 ในมีนาคมนี้ ราคาทองคำเอเชียพุ่งกว่า 18% จากต้นปีนี้

ใกล้จบ 3 เดือนแรกปี 68 ราคา ทองคำ ในไทยทะยานกว่า 7,000 บาท พุ่งเฉียด 17% ราคาปิดวันเสาร์ยังสูงสุดเป็นประวัติศาสตร์ครั้งใหม่ ทองแท่งแตะ 49,600 ทำนิวไฮครั้งที่ 9 ในมีนาคมนี้ ราคาทองคำเอเชียพุ่งกว่า 18% จากต้นปีนี้

สมาคมค้าทองคำประกาศราคาขายทองคำในประเทศไทย รายงานว่าวันนี้ 29 มีนาคม 2568 เมื่อเวลา 9.07 น. ปรับราคา +150 บาท ส่งผลราคาทองคำแท่งรับซื้อ 49,500 บาท ราคาขายออก 49,600 บาท ด้านทองรูปพรรณรับซื้อ 48,602.96 บาท ราคาขายออก 50,400 บาท ส่งผลเป็นราคาทองคำปิดสูงสุดเป็นประวัติศาสตร์ครั้งใหม่ และเป็นครั้งที่ 9 ในเดือนมีนาคมนี้ นอกจากนี้ ตั้งแต่ต้นปี 2568 มาถึงวันนี้ 29 มีนาคม 2025 ราคาทองคำในไทยเพิ่มขึ้น +7,200 บาท หรือทะยานถึง +16.98% ในเวลาเดียวกัน ราคาทองคำโลกเป็นราคาส่งมอบทันที หรือ Spot ที่ตลาดสิงคโปร์มีราคาพุ่งสูงถึง +476 กว่า +16%

ขณะที่ ราคาทองคำส่งมอบทันที (Spot) ที่ตลาดสิงคโปร์ ปิดตลาดวันนี้ที่ระดับ 3,031.50 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ สุทธิลดลง -4.00 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ ตั้งแต่ต้นปี 2568 มาถึงวันนี้ 29 มีนาคม 2025 ราคาทองคำส่งมอบทันที(Gold Spot) เพิ่มขึ้น +476 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ หรือทะยานถึง +18.24% ขณะที่ค่าเงินบาทเทียบดอลลาร์สหรัฐ เคลื่อนไหวในตลาดต่างประเทศที่ระดับ 33.96 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

ย้อนกลับไปในคืนผ่านมา วันที่ 28 มีนาคม 2025 ตามเวลาในสหรัฐอเมริกา พบว่า ราคาทองคำส่งมอบทันที หรือ Gold Spot ปิดที่ 3,052.24 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ +35.53 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ หรือ +1.1% ส่งผลราคาปิดขึ้น 2 วันรวมกัน +57.72 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ หรือ +1.7% ขณะที่มีราคาสูงสุดระหว่างวันเป็นประวัติศาสตร์ครั้งใหม่แตะ 3,086.70 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ ตั้งแต่ต้นปีนี้มาถึงวันที่ 27 มีนาคม 2025 ทองคำราคาส่งมอบทันที(Spot)ปิดสูงสุดเป็นประวัติศาสตร์ครั้งใหม่เกิดขึ้น 18 ครั้ง

สอดรับกับราคาทองคำล่วงหน้า หรือ Gold Future นิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่ 3,114.30 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ +47.70 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ หรือ +0.8% ทำให้เป็นราคาปิดสูงสุดเป็นประวัติศาสตร์ครั้งใหม่ และส่งผลราคาปิดขึ้น 2 วันรวมกัน +91.80 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ หรือ +2.3% ราคาทองคำล่วงหน้า (Future) ปิดสูงสุดเป็นประวัติศาสตร์ และเกิดขึ้นเป็นครั้งที่ 14 ในปี 2025 นี้

สาเหตุจากสงครามภาษีการค้ามีแนวโน้มรุนแรงชัดเจน แคนาดาและฝรั่งเศสอาจรวมถึงกลุ่มสหภาพยุโรปส่งสัญญาณจะตอบโต้กลับด้วยการขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐที่ระดับ 25% หลังจากประธานาธิบดีทรัมป์ประกาศลงนามคำสั่งเก็บภาษีนำเข้าสูง 25% กับรถยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์ที่ผลิตนอกสหรัฐอเมริกามีผล 2 เมษายนนี้ นอกจากนี้ ประธานาธิบดีทรัมป์ยังโพสต์ว่า หากแคนาดากับกลุ่มสหภาพยุโรปรวมกันสร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกา รัฐบาลสหรัฐอเมริกาจะขึ้นภาษีนำเข้าสูงมากกว่า 25% อีกมาก

ติดตาม BTimes ได้ตามช่องทางข้างล่างนี้
Latest Posts

Related Articles