น.ส.เกษรี อายุตตะกะ CFP ผู้อำนวยการ Investment Research, SCB Chief Investment Office (SCB CIO ) ธนาคารไทยพาณิชย์ แนะ ตลาดหุ้นสหรัฐ โดดเด่นสุด ผลตอบแทนมีโอกาสเหนือตลาดหุ้นโลก จากกำไรของบริษัทจดทะเบียนที่มีแนวโน้มเติบโตดี แม้ Valuation แพง แนะลงทุนระยะยาว ในหุ้นกลุ่ม Quality Growth เกาะกระแส AI ขณะเดียวกันสามารถหาโอกาสจากการลงทุนระยะสั้น ในหุ้นขนาดกลางและขนาดเล็กของสหรัฐฯ ที่ได้อานิสงส์จากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของทรัมป์
ด้านตลาดหุ้นเกิดใหม่ในเอเชีย เผชิญปัจจัยกดดันจาก Bond Yield สหรัฐฯ 10 ปี ที่เพิ่มสูงขึ้น เงินดอลลาร์ สรอ. ที่แข็งค่า และความไม่แน่นอนบนนโยบายกีดกันการค้าของสหรัฐ จึงอาจยังไม่น่าสนใจลงทุนในระยะสั้น แต่สามารถลงทุนระยะยาวได้ เนื่องจากมีปัจจัยสนับสนุนเฉพาะตัว เช่น ตลาดหุ้นจีน A-Share ตลาดหุ้นอินเดีย ตลาดหุ้นอินโดนีเซีย และตลาดหุ้นไทย ในส่วนของ ตลาดหุ้นเวียดนาม ซึ่งเป็นตลาดหุ้นชายขอบที่มีโอกาสถูกยกระดับเป็นตลาดหุ้นเกิดใหม่ สามารถหาโอกาสลงทุนในระยะสั้นได้ อย่างไรก็ตาม ด้วยปัจจัยท้าทายที่ทำให้ตลาดหุ้นมีโอกาสผันผวนได้มากขึ้น SCB CIO จึงแนะนำให้ลดความเสี่ยงให้พอร์ต โดยลงทุนระยะยาวในหุ้นกู้ Investment Grade ของสหรัฐ ที่มี Duration สั้น yield ยังน่าสนใจ พร้อมแบ่งเงินส่วนหนึ่งลงทุนใน REITs/สินทรัพย์ผสม เพื่อสร้างกระแสเงินสด นอกจากนี้แนะนำลงทุนทองคำด้วย เพื่อป้องกันความเสี่ยงเงินเฟ้อ และสงคราม
นายสุกิจ อุดมศิริกุล กรรมการผู้จัดการ สายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด แนะนำลงทุนแบบเก็งกำไร ประเมินเป้าหมายดัชนีหุ้นไทยปีนี้อยู่ที่ 1,550 จุด จากปัจจัยสนับสนุนจากการเติบโตของผลการดำเนินงาน และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล และ Family office โดยกลุ่มอุตสาหกรรมที่คาดว่าจะให้ผลตอบแทนโดดเด่น จะเป็นกลุ่มที่มีสัดส่วนรายได้ภายในประเทศสูงและเป็นกลุ่มเชิงรับ เช่น กลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม กลุ่มการแพทย์และกลุ่มพาณิชย์ สำหรับหุ้นแนะนำแบ่งออกเป็น 4 ประเภท คือ
1) Value stock ได้แก่หุ้น AOT, BBL และ CPALL
2) Dividend stock ได้แก่หุ้น AP, BCP และ LHHOTEL
3) Laggard stock ได้แก่หุ้น BCH, GPSC และ HMPRO
และ 4) Mid-small cap growth ได้แก่ หุ้น AMATA, AU และ INSET
ดร.นิติ เนื่องจำนงค์ ผู้อำนวยการอาวุโส Wealth Planning and Family Office ธนาคารไทยพาณิชย์ เปิดเผยว่า ในปี 2024 ต่อเนื่องมายังปี 2025 ทางลูกค้ากลุ่ม Wealth และ Family Business ได้ให้ความสำคัญเรื่องการบริหารจัดการและการส่งต่อทรัพย์สินทั้งในประเทศและต่างประเทศ และการวางแผนการส่งต่อธุรกิจครอบครัว (กงสี) การวางโครงสร้างและการลงทุนการขยายกิจการในธุรกิจใหม่ เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดทั้งในด้านการสะสมความมั่งคั่งและการวางแผนเพื่อการส่งต่อไปยังรุ่นถัดไปทั้งในด้านความมั่งคั่งของครอบครัวและธุรกิจครอบครัว ซึ่งธนาคารไทยพาณิชย์ ได้ให้บริการแก่ลูกค้าในรูปแบบ Holistic Solutions ที่จะช่วยตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในทุกๆ ช่วงอายุไม่ว่าจะในด้านการลงทุนเพื่อสะสมความมั่งคั่ง (Wealth Accumulation) การดูแลให้คำแนะนำในด้านการบริหารจัดการทรัพย์สินเพื่อการส่งต่อของธุรกิจครอบครัวและมรดก (Wealth Planning and Wealth Transfer)