นางวรวรรณ ชิดอรุณ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรมเปิดเผยว่า ผลการศึกษาข้อมูลความสามารถในการแข่งขันด้านอุตสาหกรรมของไทยเทียบกับ 5 ประเทศหลักในอาเซียน ทั้งมาเลเซีย เวียดนาม อินโดนีเซียและฟิลิปปินส์ ระหว่างปี 2560 ถึง 2564 พบว่า ไทยมีขีดแข่งขันแย่ที่สุดโดยเฉลี่ยห้าปีติดลบ 1% ขณะที่มาเลเซียเติบโต 2% เวียดนามเติบโต 4% อินโดนีเซียคงที่ (0%) และฟิลิปปินส์ติดลบ 1% แม้ไทยติดลบเท่าฟิลิปปินส์แต่อุตสาหกรรมไทยมีศักยภาพสูงกว่าและพัฒนามานานกว่า จึงแสดงให้เห็นว่าศักยภาพการผลิตของไทยกำลังลดลง
นอกจากนี้เฉพาะในปี 2566 ที่ผ่านมาเมื่อเปรียบเทียบดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมหรือเอ็มพีไอกับห้าประเทศหลักในอาเซียน ยังพบว่าเอ็มพีไอของไทยลดลงมากที่สุดเฉพาะเดือนธันวาคม ติดลบถึง 6.27% บ่งชี้ว่าสถานการณ์การผลิตของไทยขณะนี้น่าเป็นห่วง ซึ่งรัฐบาลชุดที่ผ่านมามีความพยายามจะปรับโครงสร้างเดินหน้าสู่อุตสาหกรรมใหม่แต่ภาพการไปสู่จุดนั้นไม่ปะติดปะต่อกันเท่าไหร่ โดยปัญหาของไทยคือการผลิตสินค้าไม่ตรงตามความต้องการของตลาด ที่ปัจจุบันมุ่งเน้นสินค้ากรีนรถคาร์บอน โดยสินค้าที่โลกมีความต้องการและมูลค่าสูงแบ่งออกเป็นสี่กลุ่มคือ หนึ่งกลุ่มสินค้าอิเล็กทรอนิกส์สองกลุ่มยาและวัคซีนสามกลุ่มยานพาหนะและสี่กลุ่มสินค้าเกษตร
ล่าสุดรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมได้สั่งให้สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรมเร่งจัดทำแผนปฏิรูปอุตสาหกรรมไทยทั้งระบบเพื่อยกระดับขีดแข่งขันอุตสาหกรรมไทยให้กลับมาแข็งแรงเร็วๆ