ไม่ต้องรอ! ‘ภูมิธรรม’ สั่ง สมช.แจ้ง กฟภ.ตัดไฟส่งเมียนมาทันที ลั่นไม่ต้องเข้า ครม. แจงระเบียบมีอำนาจทำได้ เหตุกระทบความมั่นคง เพราะมีเอี่ยวแก๊งคอลเซ็นเตอร์

ไม่ต้องรอ! 'ภูมิธรรม' สั่ง สมช.แจ้ง กฟภ. ตัด ไฟฟ้า ส่งเมียนมาทันที ลั่นไม่ต้องเข้า ครม. แจงระเบียบมีอำนาจทำได้ เหตุกระทบความมั่นคง เพราะมีเอี่ยว แก๊งคอลเซ็นเตอร์

นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ก่อนประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงความชัดเจนในการออกคำสั่งให้ตัดไฟที่จ่ายไปอย่างเมียนมาว่า เรื่องไฟฟ้าส่งผลกระทบอย่างรุนแรง ขายไฟเกิดขึ้น 2 ครั้ง ในปี 2535 ที่มีการนำเรื่องเข้า ครม. และครั้งที่สอง 2537 ที่มีมติให้ขายไฟได้ตามแนวชาย โดยไม่จำเป็นต้องนำเรื่องเข้า ครม. และดำเนินการในทางปฏิบัติไปตามปกติ ดังนั้น กฟภ.มีอำนาจ โดย พ.ร.บ.การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค 2503 มาตรา 67, 42 เมื่อวันที่ 22 มี.ค.2537 อนุมัติให้จ่ายไฟฟ้าไปยังเมืองท่าขี้เหล็ก และต่อมาเมื่อวันที่ 5 มี.ค.2539 ให้ กฟภ.ขายไฟฟ้าให้ประเทศเพื่อนบ้าน บริเวณหมู่บ้านแนวใกล้ชายแดนไทย โดยไม่ต้องขออนุญาตในระดับนโยบาย แต่ให้เสนอคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) รับทราบ ส่วนการงดและระงับจ่ายไฟฟ้า หรือยกเลิกจ่ายไฟฟ้า กฟภ.สามารถทำได้เองตามสัญญาโดยไม่ต้องเสนอ ครม.อนุมัติก่อน และไม่ต้องเสนอ กพช.รับทราบ โดยสัญญาที่ กฟภ.ไปเซ็นไว้กับบริษัท อัลลัวร์ กรุ๊ป (พีแอนด์อี) จำกัด ส่งไฟฟ้าไปเมืองท่าขี้เหล็ก รัฐฉาน และในหนังสือกระทรวงมหาดไทย ลงวันที่ 31 ม.ค.2568 ว่ายังมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้าไปเมียนมา ฉบับอื่นอีก 4 ฉบับ รวม 5 จุด การซื้อขายไฟฟ้า

โดยหากดูตามสัญญาที่มีอยู่จะมีกำหนดว่าผู้ซื้อยินยอมปฏิบัติตามข้อกำหนดและระเบียบของ กฟภ.ในการใช้จ่ายไฟฟ้าให้กับประชาชนที่ปฏิบัติอยู่ในปัจจุบันและในอนาคต หากผู้ซื้อไม่ปฏิบัติตามสัญญาหรือผิดเงื่อนไขข้อหนึ่งข้อใด ผู้ซื้อต้องยอมให้ กฟภ.งดจ่ายไฟฟ้าและบอกเลิกสัญญาได้ ชี้ให้เห็นว่ามีอำนาจที่ทำได้ ในกรณีที่ กฟภ.ไม่สามารถจ่ายไฟได้ เช่น เกิดเหตุขาดแคลนไฟฟ้า ความจำเป็นที่เกี่ยวข้องกับความสงบเรียบร้อย หรือความมั่นคงของประเทศ ตลอดจนผู้ซื้อกระทำการใดใดอันมีผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิประเทศ ต่อเส้นเขตแดนหรือแนวสันปันน้ำ กฟภ.สามารถงดจ่ายไฟทั้งหมดหรือบางส่วนได้ โดยผู้ซื้อไม่มีสิทธิเรียกร้องค่าเสียหาย และระเบียบ กฟภ.ว่าด้วยการใช้ไฟฟ้าและบริการ 2562 ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในสัญญา มีข้อหนึ่งระบุว่า กฟภ.งดจ่ายไฟฟ้าได้ หากเห็นว่าการไฟฟ้านั้นกระทบต่อความมั่นคงของชาติ

ต้องพิจารณาขนาดนี้มีความจำเป็นที่เกี่ยวกับความมั่นคงและความสงบเรียบร้อยของประเทศหรือยัง หากดูจากข้อมูลพบว่าแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ส่งผลกระทบกับประชาชนอยู่ขณะนี้ โดยข้อมูลจากศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมเทคโนโลยีสารสนเทศ ตำรวจแห่งชาติระบุว่าระหว่างเดือน มี.ค.2565-มิ.ย.2567 คนไทยตกเป็นเหยื่อคอลเซ็นเตอร์กว่า 575,500 คดี มูลค่าความเสียหายกว่า 65,715 ล้านบาท เฉลี่ยความเสียหายวันละกว่า 80 ล้านบาท เรื่องนี้จึงถือว่าเป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยและความมั่นคงของประเทศในหลายมิติ รวมถึงเรื่องเศรษฐกิจ หากพบว่าผู้ใช้ไฟฟ้าจาก กฟภ.ไปจำหน่ายต่อให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์ หรือแก๊งอาชญากรรมข้ามชาติอื่น กฟภ.มาใช้สิทธิตามสัญญา จ่ายพลังงานไฟฟ้าให้น้อยลงหรืองดจ่ายได้

นายภูมิธรรมกล่าวอีกว่า เรื่องนี้ไม่สบายใจที่มีการโยนกันไปมา ว่าไม่สั่งมาแล้วทำไม่ได้ อีกฝ่ายบอกยังไม่รู้ยังไม่ได้ดำเนินการอะไร ทั้งที่มีข้อมูลสืบทราบได้ว่ามีปัญหา ให้สั่ง สมช.เรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาคุย และยืนยันว่ากระทบความมั่นคงจริง ที่จริงไม่ต้องให้ สมช.ชี้ และตนรับรายงานว่ามีการใช้ไฟฟ้าที่มากขึ้นกว่าปกติ รวมถึงมีปัญหาเรื่องแก๊งคอลเซ็นเตอร์ก็ควรเข้าไปดำเนินการ ไม่ใช่สนใจแต่การขายไฟฟ้าอย่างเดียว หากจะค่อยๆ ตัดไฟจะช้าเกินไป เพราะปัญหารุนแรง ตนจะสั่งการ สมช.ให้แจ้ง กฟภ.และหน่วยที่เกี่ยวข้องไปดำเนินการตัดไฟทันที ไม่ใช่รอและโยกไปโยกมา

“ผู้บังคับหน่วยส่วนใดหรือผู้รับผิดชอบหน่วยไหนให้ปฏิบัติโดยทันทีตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ถ้าไม่ปฏิบัติตามให้เกิดผลโดยทันที และเรื่องนี้ไม่ต้องเข้า ครม. ถ้าล่าช้าและไม่จัดการภายในไม่กี่วันนี้ ผมจะยืมตัวมาช่วยราชการ ขอให้ไปพิจารณาก็แล้วกันว่าควรจะจัดการแค่ไหน” นายภูมิธรรมกล่าวเสียงเข้ม

นายภูมิธรรมกล่าวว่า วันนี้ชัดเจนแล้วว่า สั่งการให้ตัด ไม่ต้องมาถามว่าเป็นเพราะอะไร กฟภ.ถึงไม่ตัด หรือมั่วแต่สนใจขายไฟอย่างเดียว มีเรื่องที่เกิดขึ้นซึ่งเสียหายมากกว่าไฟที่ขายได้ ส่วนจะมีนอกมีในหรือไม่ ตนไม่รู้ แต่ให้ไปจัดการเรื่องนี้ให้จบ

ติดตาม BTimes ได้ตามช่องทางข้างล่างนี้
Latest Posts

Related Articles