ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เปิดเผยว่าประเทศไทยเข้าสู่สังคมสูงวัยขั้นสุดยอด ทำให้ธุรกิจที่พึ่งพิงแรงงานในสัดส่วนสูงเสี่ยงขาดแคลนแรงงาน โดยอีกไม่ถึง 30 ปีข้างหน้า คาดว่าสัดส่วนกำลังแรงงานของไทยที่อยู่ในช่วงอายุระหว่าง 15-59 ปี ต่อประชากรทั้งหมดจะลดลงจาก 62% ในปี 2566 เหลือเพียงราว 50% ในปี 2593 หรือในอีก 26 ปีข้างหน้า
หากพิจารณาโครงสร้างตลาดแรงงานไทยพบว่าประกอบไปด้วย แรงงานทักษะต่ำคิดเป็นสัดส่วนราว 82% ได้แก่ แรงงานภาคเกษตร แรงงานก่อสร้าง แรงงานในโรงงาน ด้านแรงงานทักษะปานกลางราว 16.5% ได้แก่ แรงงานในภาคบริการ พนักงานขายสินค้า และแรงงานทักษะสูงราว 1.5% ได้แก่ วิศวกร แพทย์ อาจารย์ วิชาชีพต่างๆ
ดังนั้น ความท้าทายด้านปริมาณจากการขาดแคลนกำลังแรงงานคงกระทบกับการจัดหาแรงงานทักษะต่ำ ซึ่งบางธุรกิจ เช่น ธุรกิจก่อสร้าง และธุรกิจบริการต่างๆ อาจรับมือการขาดแคลนแรงงานด้วยการพึ่งพิงแรงงานต่างด้าวจากประเทศในกลุ่ม CLM ประกอบด้วยกัมพูชา สปป.ลาว เมียนมา สะท้อนจากจำนวนแรงงานจากทั้ง 3 ประเทศที่อยู่ในไทยเติบโตจากปี 2556 ที่ราว 1.0 ล้านคน ไปเป็นราว 2.3 ล้านคนในปี 2566 หรือโตเฉลี่ยต่อปีราว 8% จากไทยยังมีค่าแรงขั้นต่ำที่สูงกว่าประเทศเหล่านี้
ขณะเดียวกัน ตลาดแรงงานไทยยังมีความท้าทายด้านคุณภาพจากแรงงานส่วนใหญ่ยังมีทักษะไม่ตรงความต้องการของตลาด (Skills gap) รวมถึงจำนวนแรงงานทักษะสูงยังมีไม่เพียงพอ และยังมีสัดส่วนแรงงานที่มีทักษะด้านดิจิทัลต่ำกว่าอีกหลายประเทศ ส่งผลให้บางธุรกิจ เช่น ธุรกิจไฮเทคต่างๆ ต้องมีการนำเข้าแรงงานกลุ่มนี้ สอดคล้องกับจำนวนการนำเข้าแรงงานข้ามชาติทักษะสูงเฉลี่ย 10 ปีย้อนหลัง (ปี 2556-2566) ที่ยังขยายตัวเฉลี่ยต่อปีราว 3% และคาดว่าความต้องการจะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอีกตามการเร่งผลักดันอุตสาหกรรมที่มีศักยภาพใหม่
การดึงดูดแรงงานข้ามชาติทักษะสูงคงขึ้นอยู่กับว่าไทยจะสามารถจูงใจการลงทุนต่างประเทศและมีนโยบายสนับสนุนการเข้ามาทำงานของชาวต่างชาติในไทยที่แข่งขันกับประเทศอื่นๆ ได้เพียงใด เช่น สิงคโปร์มีการให้สิทธิการเป็นพลเมืองแก่แรงงานทักษะสูง และส่วนลด/ผลประโยชน์ด้านภาษีให้ต่างชาติมาลงทุนได้ จีนมีภาษีอัตราพิเศษให้แรงงานทักษะสูง และโครงการดึงดูด Talent จากทั่วโลก เป็นต้น
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่า การขาดแคลนแรงงานจะยิ่งรุนแรงขึ้นในช่วงข้างหน้า และจะกระทบต่อธุรกิจที่มีสัดส่วนการใช้แรงงานต่อจำนวนกำลังแรงงานทั้งหมดสูง โดยเฉพาะในภาคเกษตร (31%) และภาคบริการต่างๆ เช่น ธุรกิจโรงแรมและร้านอาหาร (9%) และธุรกิจก่อสร้าง (6%)
ทั้งนี้ การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากรจากการเป็นสังคมสูงวัยคงทำให้ธุรกิจเหล่านี้อาจต้องหันไปพึ่งพิงแรงงานต่างด้าวทักษะต่ำจากประเทศเพื่อนบ้านในสัดส่วนที่มากขึ้น ขณะที่ บางธุรกิจ เช่น ธุรกิจค้าปลีก/ค้าส่ง (17%) และธุรกิจการผลิต (16%) ที่สามารถแก้ปัญหาด้วยเทคโนโลยีได้อาจต้องพิจารณาถึงโอกาสในการนำหุ่นยนต์/นวัตกรรมมาประยุกต์ใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ควบคู่ไปกับการยกระดับผลิตภาพ/ทักษะแรงงานไทยให้เท่าทันเทคโนโลยีที่มีการพัฒนาอย่างไม่หยุดนิ่ง