สมาคมโรงแรมไทยและธนาคารแห่งประเทศไทย เปิดเผยการสำรวจดัชนีเชื่อมั่นผู้ประกอบการที่พักแรมในเดือนธันวาคม 2566 ซึ่งสำรวจระหว่างวันที่ 8-25 ธันวาคม 2566 พบว่าเกือบ 80% รายได้ของธุรกิจโรงแรมยังไม่ฟื้นตัวกลับไปเทียบเท่ากับช่วงก่อนเกิดโรคระบาดโควิด-19 ขณะที่มีเพียง 20% ที่มีรายได้เท่ากับ หรือมากกว่าช่วงก่อนโรคระบาดโควิด-19 แล้ว ซึ่งใน 20% ดังกล่าวส่วนใหญ่เป็นโรงแรมระดับ 4 ดาวขึ้นไป และตั้งอยู่ในภาคกลาง และภาคใต้ ซึ่งเป็นแหล่งและพื้นที่ท่องเที่ยวสำคัญหลายแห่ง
ผลสำรวจ เปิดเผยต่อไปว่า โรงแรมราว 10% คาดว่ารายได้จะไม่กลับมาเหมือนเดิมได้ หรือเหมือนก่อนปี 2019 ขณะที่ส่วนใหญ่คาดว่าธุรกิจจะกลับมาได้ในช่วงไตรมาส 1 ปีนี้ หรือปี 2568 เป็นต้นไป ประกอบด้วยโรงแรมทางภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคใต้ และโรงแรมระดับ 4 ดาวขึ้นไป ส่วนใหญ่ล้วนประเมินว่าในช่วงไตรมาส 1 ปีนี้ จะมีลูกค้าต่างชาติ ซึ่งไม่รวมนักท่องเที่ยวชาวจีน จะเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงไตรมาส 4 ปีผ่านมา ขณะที่โรงแรมในภาคตะวันออกส่วนใหญ่คาดว่าลูกค้าต่างชาติจะทรงตัว
สำหรับลูกค้าชาวจีนนั้น โรงแรมส่วนใหญ่ทางภาคกลาง ประเมินว่าลูกค้าชาวจีนจะเพิ่มขึ้น ด้านโรงแรมในภาคตะวันออกและภาคใต้ ส่วนใหญ่ประเมินว่าลูกค้าจีนจะใกล้เคียงกับไตรมาส 4 ที่ผ่านไป ส่วนโรงแรมระดับไม่เกิน 3 ดาวกว่า 40% คาดว่าในไตรมาส 1 ปีนี้ นี้ลูกค้าชาวจีนที่มีแนวโน้มลดลงจากไตรมาสก่อนนี้
สมาคมโรงแรมไทย เปิดเผยว่าผู้ประกอบการโรงแรมส่วนใหญ่ต้องการให้รัฐบาลใช้มาตรการช่วยเหลือธุรกิจโรงแรม 4 เรื่องสำคัญ ได้แก่ มาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวไทยอย่างต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวและเน้นตลาดที่มีคุณภาพ โดยการให้วีซ่าฟรีสำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ และมีมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศ โดยเฉพาะในเมืองรอง เพื่อกระตุ้นนักท่องเที่ยวไทยด้วย
มาตรการช่วยเหลือด้านค่าใช้จ่าย โดยช่วยลดค่าใช้จ่ายทั้งด้านพลังงาน ค่าสาธารณูปโภค และค่าแรง ซึ่งเป็นต้นทุนหลักของธุรกิจโรงแรม มาตรการด้านแรงงาน เช่น การพัฒนาและอบรมบุคลากร เพื่อพัฒนาฝีมือแรงงานและเพิ่มบุคลากรในภาคท่องเที่ยวให้มากขึ้น และมาตรการด้านการเงิน โดยมีมาตรการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำให้กับธุรกิจโรงแรมในการปรับปรุงที่พัก เพื่อให้สามารถแข่งขันได้ และมีเงินทุนหมุนเวียนเพื่อเพิ่มสภาพคล่องให้กับธุรกิจ
