เฟสบุ๊กชื่อว่า The Invisible Economist ซึ่งเป็นเพจที่เกี่ยวข้องกับเรื่องการเงินการลงทุน มีผู้ติดตามเกือบ 70,000 บัญชี โพสต์ข้อความด้านมุมมองเกี่ยวกับภาวะประเทศไทยไม่ให้ราคา“เวลาของคน” ซึ่งมีการแชร์ข้อความมากมาย มีดังนี้
วันนี้ขอพูดอะไรแรงๆสักครั้ง สังคมไทยไม่ค่อยเห็นค่า “เวลาของคน” เท่าไร แต่ในเวลาเดียวกันก็บ่นกันว่า “เมืองไทยค่าจ้างถูกเกินไป”
ลองสังเกตดูจากตัวอย่างง่ายๆ งานแกะสลัก: “ก็เอาเศษไม้เหลือๆ มาทำ ต้นทุนสัก 10 บาทเองเปล่า?” งานออกแบบศิลปะ: “ช่วยๆ กันสิ วาดในคอม 10 นาทีเอง” ข้าวซอย 200 บาท: “บ้านฉันขาย 50 เอง ใส่ไก่เยอะกว่าด้วย พูนชาม” ถุงผ้าระบายสีสวยงาม: “ถุงเปล่าใบละ 10 บาท ระบายสีนิดเดียว มาขาย 99 บาท แพงไป!”
ประเด็นคือ สังคมเรามักมองว่าราคาที่เหมาะสม = ต้นทุนวัตถุดิบ โดยไม่คิดถึง ค่าเวลา ค่าทักษะ และความคิดสร้างสรรค์ ที่ถูกใส่เข้าไป และที่สำคัญไปกว่านั้น—คนทำงานเองกลับต้องรู้สึก “ผิด” ที่จะตั้งราคาให้สะท้อนคุณค่าที่แท้จริงของแรงงานตนเอง ผลคือ อาชีพที่ใช้ความคิดสร้างสรรค์ เช่น ศิลปิน นักออกแบบ นักเขียน นักวิจัย กลับถูกบีบให้ทำงานเพื่อ “ความอยู่รอด” แทนที่จะได้ทำงานเพื่อ “สร้างนวัตกรรมใหม่ๆ”
เศรษฐศาสตร์อธิบายปรากฏการณ์นี้ได้ว่าเป็นปัญหาการแบ่งส่วนเกิน (surplus sharing) ที่ไม่สมดุล ผู้บริโภคยึด surplus ไปเกือบหมด ขณะที่ผู้สร้างสรรค์แทบไม่ได้อะไรกลับมา เมื่อผลตอบแทนต่ำ แรงจูงใจในการสร้างสิ่งใหม่ก็หายไป
หลายคนบ่นว่า “ค่าจ้างไทยไม่สูงพอ” แต่ถ้าจะอธิบายในเชิงเศรษฐศาสตร์ ปัญหามันลึกกว่านั้นครับ
1. ทักษะไม่ถูกให้ค่า งานที่ใช้ความคิดสร้างสรรค์ เวลาฝึกฝนยาวนาน แต่กลับถูกตั้งราคาตาม “ต้นทุนวัตถุดิบ” ไม่ใช่คุณค่าของทักษะ เมื่อสังคมไม่พร้อมจ่ายเพิ่มเพื่อซื้อ “ฝีมือ” ผู้คนก็ไม่อยากลงทุนสะสมทักษะในระยะยาว
2. การสะสมทุนมนุษย์ถูกกดทับ ทุนมนุษย์ (human capital) คือความรู้และทักษะที่เราสะสมจากการศึกษาและประสบการณ์ทำงาน ถ้าตลาดแรงงานไม่ให้รางวัลกับคนที่มีทุนมนุษย์มากกว่า (เช่น จ่ายค่าจ้างต่างกันน้อยระหว่างคนที่เรียนเพิ่มกับไม่เรียน) คนก็จะไม่เห็นแรงจูงใจที่จะลงทุนเรียนรู้ต่อ
แล้วจะเกิดอะไรขึ้นต่อ? ในอดีต เศรษฐกิจไทยพออยู่ได้กับ “งานใช้แรง” ที่ชูจุดเด่นค่าจ้างถูก แต่ในอนาคตอันใกล้ AI และ automation จะมาแทนที่งานเหล่านี้แทบทั้งหมด ถ้าแรงงานไทยยังไม่สะสม “คุณค่าที่มนุษย์เท่านั้นทำได้” เช่น ความคิดสร้างสรรค์ การตีความเชิงลึก soft skills ในการเจรจา การสร้างแรงบันดาลใจ ความเข้าใจวัฒนธรรม สังคม จิตใจคน
แล้วเราจะสร้างมูลค่าอะไรที่เหนือกว่า AI ได้นะครับ?