นายธนา โพธิกำจร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กสิกร ไลน์ จำกัด เปิดเผยว่า ยอดสินเชื่อน้อยลง เนื่องจากสถาบันการเงินระมัดระวังปล่อยสินเชื่อ ซึ่งสินเชื่อไม่ได้หายไปเพราะผู้บริโภคไม่ต้องการสินเชื่อ ด้วยสาเหตุนี้ทำให้เงินที่หมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจน้อยลง แม้สถาบันการเงินจะเลือกปล่อยสินเชื่อให้กับธุรกิจรายใหญ่ แต่ในส่วนของรายย่อย หรือกลุ่มคนเปราะบางยังเข้าไม่ถึงแหล่งเงินทุน
ปัจจุบันหนี้เสียในระบบทั้งสินเชื่อส่วนบุคคล อสังหาริมทรัพย์ และรถยนต์-จักรยานยนต์ ล้วนมีความกังวลเรื่องหนี้เสียมากขึ้น เพราะเริ่มเห็นกลุ่มคนชั้นกลางมีปัญหาการจ่ายหนี้จากแต่ก่อนเป็นกลุ่มที่มีความสามารถในการใช้จ่ายหนี้ และมีรายได้ประจำ 30,000-50,000 บาท เริ่มชำระหนี้ลดลง และมีหนี้เสียกลุ่มนี้มากขึ้น
สำหรับสาเหตุที่ทำให้คนกลุ่มนี้มีหนี้เสียมากขึ้น เป็นผลมาจากเศรษฐกิจที่ผันผวน ราคารถยนต์ ราคาอสังหาริมทรัพย์ร่วงลง แต่รายได้มีเท่าเดิม และรายจ่ายเพิ่มขึ้น ทำให้ความสามารถการชำระหนี้น้อยลง ส่งผลให้สถาบันการเงินระมัดระวังการปล่อยสินเชื่อ เพราะมีหนี้เสียจากกลุ่มนี้มากขึ้น
นายธนากล่าวว่า นอกจากนี้ พบว่ากลุ่มหลักคือ Gen Y (อายุ 29–44 ปี) คิดเป็นสัดส่วนถึง 66% รองลงมาคือ Gen X (45–60 ปี) และ Gen Z (13–28 ปี) กลุ่มอาชีพของผู้ใช้ LINE BK ส่วนใหญ่เป็น ผู้ประกอบอาชีพอิสระ 47% และ พนักงานประจำ 42% โดยจังหวัดที่มีการใช้งานมากที่สุดคือ กรุงเทพฯ, ชลบุรี, สมุทรปราการ, ปทุมธานี และนนทบุรี ซึ่งมีการเติบโตเฉลี่ยต่อปีราว 22%
ขณะเดียวกัน พบพฤติกรรมการใช้งานรายวัน ว่า วันพุธเป็นวันที่มีผู้ใช้งานมากที่สุด พฤติกรรมยอดฮิตคือ สแกนจ่ายร้านค้าเวลา 12.00 น., สมัครสินเชื่อเวลา 15.00 น., เบิกถอนวงเงินเวลา 17.00 น. และ โอนเงินให้เพื่อนเวลา 18.00 น.
ทั้งนี้ LINE BK ดำเนินการมา 5 ปี โดยช่วยอำนวยความสะดวกด้านการเงินให้คนไทย ปัจจุบันมีลูกค้าใช้งานกว่า 8 ล้านคน มีลูกค้าสินเชื่อกว่า 855,000 ราย ส่วนใหญ่มีอายุระหว่าง 25–34 ปี รายได้เฉลี่ยอยู่ที่ 15,000–30,000 บาทต่อเดือน และมียอดวงเงินสินเชื่อเฉลี่ยต่อคน 43,000 บาท ซึ่งการใช้เงินส่วนใหญ่คือเพื่อหมุนเวียนใช้จ่ายประจำวัน (48%) และ ใช้เสริมสภาพคล่องธุรกิจ (37%)