กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) คาดการณ์ว่า ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) อาจจะเลื่อนเวลาการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งใหม่ เนื่องจากความไม่แน่นอนของมาตรการภาษีศุลกากรของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ทำให้ญี่ปุ่นมีความเสี่ยงมากขึ้นที่จะเผชิญกับภาวะขาลงทั้งในส่วนของเศรษฐกิจและเงินเฟ้อ
โดยนาดา ชูเอรี รองกรรมการผู้จัดการฝ่ายกิจการเอเชียแปซิฟิกของ IMF กล่าวว่า มาตรการภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ ได้ก่อให้เกิดความไม่แน่นอนครั้งใหญ่ และการที่ประเทศต่าง ๆ ใช้มาตรการภาษีตอบโต้ก็จะส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นในภาคธุรกิจและขัดขวางบริษัทญี่ปุ่นในการปรับขึ้นค่าจ้าง โดย BOJ ควรดำเนินนโยบายการเงินด้วยความยืดหยุ่นและพิจารณาตามข้อมูล ก่อนที่จะตัดสินใจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งต่อไป เนื่องจากมาตรการภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ ได้สร้างแรงกดดันต่อเศรษฐกิจ
ขณะเดียวกันยังคงคาดการณ์ว่าเงินเฟ้อของญี่ปุ่นจะอยู่ในกรอบเป้าหมายของ BOJ ที่ระดับ 2% แม้ว่าเป้าหมายดังกล่าวมีแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นในปี 2570 มากกว่าในปี 2569 ก็ตาม
ก่อนหน้านี้ BOJ ได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% สู่ระดับ 0.50% ในการประชุมเมื่อวันที่ 24 ม.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 17 ปี หรือนับตั้งแต่ปี 2551 โดย BOJ เชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจญี่ปุ่นอยู่ในทิศทางที่จะทำให้ BOJ สามารถบรรลุเป้าหมายเงินเฟ้อที่ระดับ 2%