นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า มาตรการแก้หนี้ภาคครัวเรือนสำหรับหนี้บ้าน หนี้รถยนต์ และหนี้กลุ่มเอสเอ็มอี จะแถลงในวันที่ 11 ธันวาคม 2567 ใช้ชื่อโครงการว่า คุณสู้..เราช่วย กระทรวงการคลังได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากหลายฝ่าย ไม่ว่าธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) สถาบันการเงินเฉพาะกิจรัฐ สมาคมธนาคารไทย เป็นต้น
สำหรับหนังสือแสดงเจตนารมณ์ระหว่างกระทรวงการคลัง ธปท. สมาคมธนาคารไทย และสมาคมธนาคารนานาชาติ การแก้หนี้ครั้งนี้จะเป็นมาตรการแก้หนี้ภาคครัวเรือนในกลุ่มหนี้ไม่ก่อให้เกิดรายได้ของประชาชนที่สามารถฟื้นกลับมาเป็นหนี้ดีได้ (NPL) เฉพาะหนี้เกิดก่อนวันที่ 31 ตุลาคม 2567 รวม 2.3 ล้านบัญชี รวม 1.31 ล้านล้านบาท ประกอบด้วย 1.หนี้ที่อยู่อาศัย จะเข้าไปช่วยในมูลหนี้ไม่เกิน 3 ล้านบาทต่อราย เป็นหนี้เอ็นพีแอลไม่เกิน 1 ปี 4.6 แสนบัญชี มูลหนี้ 4.8 แสนล้านบาท 2.หนี้รถยนต์ มูลหนี้ไม่เกิน 8 แสนบาท เป็นหนี้เอ็นพีแอล ไม่เกิน 1 ปี และแขวนดอกเบี้ย 1.4 ล้านบัญชี มูลหนี้ 3.7 แสนล้านบาท และ 3.หนี้เอสเอ็มอีขอสินเชื่อเพื่อการประกอบอาชีพ ยอดสินเชื่อไม่เกิน 3 ล้านบาท 4.3 แสนบัญชี มูลหนี้ 4.54 แสนล้านบาท
เบื้องต้น รูปแบบของมาตรการแก้หนี้ เช่น หากผู้เข้าร่วมมาตรการเป็นหนี้เสียสินเชื่อบ้าน ช่วง 3 ปีที่เข้าโครงการ สามารถเลือกชำระค่างวดแบบเต็มจำนวนเดิม หรือเลือกผ่อนครึ่งหนึ่งก็ได้ เงินที่ชำระมาจะนำไปตัดเงินต้น 100% และลดเงินนำส่งเข้ากองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน เหลือ 0.23% จากเดิม 0.46% เพื่อตั้งกองทุนสำหรับมาตรการแก้หนี้ ยืดเวลาใช้หนี้ไป ทำให้เศรษฐกิจหมุนเวียนได้
ด้านแหล่งข่าวกระทรวงการคลัง เปิดเผยเพิ่มเติมว่า ลูกหนี้ที่เข้าโครงการนี้จะได้รับการพักชำระหนี้เป็นเวลา 3 ปี แต่ระหว่างนี้ ลูกหนี้ยังต้องผ่อนเงินต้นอยู่ ถ้าลูกหนี้ปฏิบัติตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ได้ครบ 3 ปี จะมีการยกดอกเบี้ยที่พักไว้ทั้งหมดให้ลูกหนี้ หากลูกหนี้ทำไม่ได้ ลูกหนี้ก็ต้องกลับมาชำระดอกเบี้ยที่พักไว้ทั้งหมด นอกจากนี้ เพื่อเป็นการผ่อนภาระของลูกหนี้ที่เข้าโครงการในระยะแรก ในช่วงต้นของการชำระหนี้เงินต้น อาจผ่อนผันให้ลูกหนี้ไม่ต้องชำระเงินต้นเต็ม 100% ของค่างวด ในแต่ละเดือน แต่อาจให้ผ่อนชำระแค่ 70% ก่อน แล้วค่อยๆขยับขึ้นไปจนกระทั่งผ่อนชำระเต็มจำนวนตามงวด