13 วัน คนละครึ่งพลัส มีผู้ใช้สิทธิแล้วกว่า 19 ล้านราย ยอดใช้จ่ายสะสมแล้วกว่า 2.9 หมื่นล้านบาท ใครลงทะเบียนแล้วยังไม่ใช้สิทธิ รีบใช้ภายในวันนี้ ก่อนถูกตัดสิทธิ 

นายวินิจ วิเศษสุวรรณภูมิ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยความคืบหน้าการใช้สิทธิโครงการคนละครึ่ง พลัส (โครงการฯ) โดย ณ วันที่ 10 พฤศจิกา 2568 เวลา 23.00 น. ว่า มีผู้ใช้จ่ายผ่านโครงการฯ สำเร็จแล้วกว่า 19 ล้านราย โดยแบ่งเป็นรายได้ของร้านค้าปกติอยู่ที่ 29,289.1 ล้านบาท เป็นเงินที่ประชาชนจ่ายจำนวน 14,833.8 ล้านบาท และเงินที่รัฐร่วมจ่ายจำนวน 14,455.3 ล้านบาท ส่วนรายได้ผ่านแพลตฟอร์ม Food Delivery อยู่ที่ 394.7 ล้านบาท เป็นเงินที่ประชาชนจ่ายจำนวน 201.5 ล้านบาท และเงินที่รัฐร่วมจ่ายจำนวน 193.2 ล้านบาท เมื่อรวมรายได้จากแพลตฟอร์ม Food Delivery กับรายได้ของร้านค้าปกติ จะมียอดใช้จ่ายร้านค้าทุกประเภทรวม 29,683.8 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นเงินที่ประชาชนจ่ายจำนวน 15,036.3 ล้านบาท และเงินที่รัฐร่วมจ่ายจำนวน 14,648.5 ล้านบาท

โดยประชาชนสามารถใช้จ่ายกับร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการฯ ได้จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2568 ระหว่างเวลา 06.00 – 23.00 น. ผ่าน G-Wallet ในแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” โดยในแต่ละวันไม่จำเป็น ต้องใช้จ่ายให้เต็มสิทธิ 200 บาท ด้านความคืบหน้าของการลงทะเบียนร้านค้าในโครงการฯ จากข้อมูลสะสม ณ วันที่ 10 พฤศจิกายน 2568 เวลา 23.00 น. มีร้านค้าที่ลงทะเบียนสำเร็จแล้วจำนวน 893,196 ราย

อย่างไรก็ตาม กระทรวงการคลังย้ำเตือนประชาชนกว่า 3 แสนรายที่ได้รับสิทธิในโครงการคนละครึ่ง พลัสแต่ยังไม่เริ่มทำการใช้จ่ายว่า จะต้องเริ่มใช้สิทธิครั้งแรกภายในวันที่ 11 พ.ย. 2568 ไม่เช่นนั้นจะถูกตัดสิทธิ 

โดยการใช้จ่ายในโครงการฯ จะต้องเป็นการซื้อขายสินค้า และบริการเฉพาะบริการนวด สปา ทำเล็บ ทำผม และบริการขนส่งสาธารณะ โดยไม่รวมถึงสินค้าสลากกินแบ่งรัฐบาล เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ผลิตภัณฑ์ยาสูบ บัตรกำนัล บัตรเงินสด และบริการรูปแบบอื่น ๆ ที่เป็นการชำระค่าสินค้าหรือบริการล่วงหน้า โดยผู้ซื้อและผู้ขายต้องมีการทำธุรกรรมซื้อขายและสแกน QR Code เพื่อชำระค่าสินค้าหรือบริการแบบพบหน้า (Face to Face) โดยไม่มีการดำเนินการผ่านช่องทางออนไลน์หรือผ่านคนกลาง เว้นแต่การใช้สิทธิผ่านผู้ให้บริการระบบขนส่งอาหาร (Food Delivery Platform) ที่เข้าร่วมโครงการฯ ทั้งนี้ สำหรับผู้ประกอบการที่ให้บริการนวด และสปา  ที่ประสงค์จะลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการฯ ขอให้ตรวจสอบชื่อและที่ตั้งของสถานประกอบการในแอปพลิเคชัน “ถุงเงิน” ให้ตรงกับใบอนุญาตสถานประกอบการเพื่อสุขภาพ เพื่อให้เกิดความรวดเร็วในการตรวจสอบ และอนุมัติให้เข้าร่วมโครงการฯ ดังมีรายละเอียดวิธีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลร้านค้าถุงเงินบนเว็บไซต์ถุงเงินกรุงไทยปรากฏตาม QR Code

ติดตาม BTimes ได้ตามช่องทางข้างล่างนี้
Latest Posts

Related Articles