การโจมตีอย่างรุนแรงระหว่างอิสราเอลและอิหร่านเข้าสู่วันที่ 5 ต่อเนื่อง กองทัพอิสราเอล เปิดเผยว่าอิหร่านได้โจมตี ด้วยขีปนาวุธเป็นระลอกถึง 2 รอบในช่วงเช้ามืดของวันพุธมายังประเทศอิสราเอลโดยเฉพาะในเมืองเทลอาวีฟ ในขณะที่อิสราเอลได้ประกาศให้พลเรือน ที่อาศัยอยู่ในกรุงเตฮานรีบอพยพออกจากพื้นที่ดังกล่าวเร็วที่สุด เนื่องจากกรุงเตหะรานตกเป็นเป้าหมายในการโจมตีของกองทัพอิสราเอล ด่านสำนักข่าวของรัฐบาลอิหร่านรายงานข่าวในเว็บไซต์ว่า เกิดเสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหวไปทั่วกรุงเตหะราน และเมืองคาราจ ซึ่งอยู่ทางตะวันตกของเมืองหลวง
นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา โพสต์ข้อความบนสื่อโซเชียลว่า อิหร่านต้องยอมจำนนอย่างไม่มีเงื่อนไข สหรัฐอเมริการู้พื้นที่ซ่อนของผู้นำสูงสุดประเทศอิหร่าน ในขณะนี้ผู้นำสูงสุดอิหร่านตกเป็นเป้าหมายอย่างง่ายดาย แต่ในขณะนี้ยังถือว่ามีความปลอดภัย อย่างน้อยในเวลานี้จะไม่กดดันหรือทำให้ผู้นำสูงสูงสุดอิหร่านต้องออกมาหรือในกรณีเลวร้ายที่สุดเกิดการสังหารผู้นำสูงสุดอิหร่าน สหรัฐไม่ต้องการเห็นขีปนาวุธสังหารพลเรือน หรือแม้แต่ทหารอเมริกัน ความอดทนหรืออดทนของอเมริกาบอบบางลง ขณะที่สำนักข่าวเอ็นบีซีของสหรัฐอเมริกา รายงานว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กำลังลังชั่งน้ำหนักสำหรับทางเลือกที่จะเปิดปฏิบัติการทางทหารกับอิหร่าน
ด้านเจ้าหน้าที่ระดับสูงในกองทัพสหรัฐ เปิดเผยกับสำนักข่าวรอยเตอร์ว่ากองทัพสหรัฐได้เคลื่อนกำลังพลทางอากาศโดยเฉพาะฝูงบินที่มีเครื่องบินรบจำนวนมาก เข้าสู่ภูมิภาคตะวันออกกลาง ด้วยวัตถุประสงค์ในการป้องกันฐานทัพและกำลังพลทหารอเมริกันรวมถึงช่วยเหลือปฏิบัติการทำลายขีปนาวุธ หรือโดรนติดขีปนาวุธของอิหร่านที่โจมตีไปยังอิสราเอล
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานต่อไปว่า จากการเปิดเผยของบุคคลใกล้ชิดราว 5 คนที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการวางแผนและตัดสินใจให้กับอยาตอลเลาะห์ อาลี คอเมเนอี ผู้นำสูงสุดของอิหร่าน พบว่าที่ปรึกษาทางทหารและความมั่นคงหลักในระดับคีย์แมนสำคัญของผู้นำสูงสุดอิหร่านต้องเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก เนื่องจากการโจมตีอย่างรุนแรงและต่อเนื่องของอิสราเอลในช่วง 3 วันผ่านมา ทําให้เหลือบุคคลสำคัญที่อยู่วงในอย่างใกล้ชิดของผู้นำสูงสุดอิหร่านน้อยลงมาก ซึ่งเป็นการเพิ่มความเสี่ยงกับข้อผิดพลาดในการวางแผนปฏิบัติการเชิงกลยุทธ์ทางทหาร
สถานการณ์ในขณะนี้ของผู้นำสูงสุดอิหร่านตกอยู่ในภาวะความไม่มั่นคงที่อันตรายที่สุดนับตั้งแต่ปี 1979 หรือตั้งแต่ปีที่เกิดการปฏิวัติในประเทศอิหร่านเป็นต้นมา สำนักข่าวฟาร์ส ของประเทศอิหร่านรายงานว่า ผู้บัญชาการ ความมั่นคงทางระบบไซเบอร์และประกาศคำสั่งห้ามเจ้าหน้าที่ทหารใช้โทรศัพท์มือถือ และอุปกรณ์ติดต่อสื่อสาร หลังจากกองทัพอิสราเอลได้เปิดปฏิบัติการสงครามไซเบอร์วงกว้าง เพื่อทำลายโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิตอลของประเทศอิหร่าน
สำหรับจำนวนผู้เสียชีวิตของทั้ง 2 ประเทศนั้น ฝั่งประเทศอิหร่านโดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขอิหร่าน เปิดเผยว่ามีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 224 ราย ในขณะที่ฝั่งประเทศอิสราเอลเปิดเผยว่ามีผู้เสียชีวิตอย่างน้อยกว่า 24 รายในอิสราเอล ซึ่งผู้เสียชีวิตทั้งหมดเป็นพลเรือนในประเทศอิสราเอล
นายราฟาเอล กรอสซี่ หัวหน้าทบวงการปรมาณูระหว่างประเทศ (IAEA) ซึ่งเป็นองค์กรระหว่างประเทศที่ส่งเสริมการใช้พลังงานนิวเคลียร์ในทางสันติ และมีบทการป้องกันไม่ให้มีการใช้เพื่อการทหาร รวมถึงการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ เปิดเผยว่าโรงงานผลิตแร่ยูเรเนียมที่แหล่งนาทานส์ ซึ่งเป็นโรงงานผลิตเสริมสร้างแร่ยูเรเนียมที่ใหญ่ที่สุดในประเทศอิหร่านได้รับความเสียหาย หรือถูกทำลายอย่างมาก
ทั้งนี้ เมื่อวันศุกร์ที่ 13 มิถุนายน 2025 กองกำลังป้องกันตนเองของอิสราเอล (IDF) เปิดเผยว่า การโจมตีทางอากาศด้วยปฏิบัติการสิงโตทะยาน หรือ Operation Rising Lion ของกองทัพประเทศอิสราเอล กองทัพอิสราเอลใช้เครื่องบินรบที่มีศักยภาพ และพลังการทำลายล้างสูงจำนวนมากกว่า 200 ลำ เข้าโจมตีเป้าหมายมากกว่า 100 จุดในประเทศอิหร่าน อย่างไรก็ตาม กองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลาม (IRGC) ได้ทำการตอบโต้ด้วยการส่งโดรนติดระเบิดและติดขีปนาวุธเป็นจำนวนมากกว่า 100 ชุดเข้าโจมตีในประเทศอิสราเอล แต่ระบบป้องกันและต่อสู้ทางอากาศของไอดีเอฟทำการสกัด และยิงทำลายฝูงโดรนของอิหร่านไว้เกือบทั้งหมด
การเปิดปฏิบัติการโจมตีทางอากาศของอิสราเอล ส่งผลให้นักวิทยาศาสตร์ที่มีความเชี่ยวชาญ และปฏิบัติงานในโครงการเสริมสร้างยูเรเนียมสำหรับนิวเคลียร์ ซึ่งเป็นระดับคีย์แมน ต้องเสียชีวิตเป็นจำนวน 6 ราย สาเหตุสาเหตุจากเป้าหมายในการโจมตีของปฏิบัติการดังกล่าวคือแหล่งโครงการนิวเคลียร์ที่มีชื่อว่านาทานส์ และโรงงานผลิตขีปนาวุธของอิหร่าน