นายแฟรงค์ ข่าน กรรมการบริหารและหัวหน้าฝ่ายที่พักอาศัย ไนท์แฟรงค์ประเทศไทย ซึ่งเป็นยักษ์ใหญ่วงการธุรกิจนายหน้าซื้อขายอสังริมทรัพย์ชื่อดังระดับโลก กล่าวว่า ปี 2567 ตลาดที่อยู่อาศัยยังเผชิญกับปัญหาการปฏิเสธสินเชื่อของสถาบันการเงิน และต้นทุนที่เพิ่มขึ้นของผู้ประกอบ ทำให้การพัฒนาโครงการอสังหาฯระดับต่ำกว่า 3 ล้านบาทอาจจะไม่ตอบโจทย์มากนัก ในขณะที่กลุ่มที่มีกำลังซื้อที่อยู่อาศัยเกิน 3 ล้านบาทขึ้นไป จะเป็นลูกค้ากลุ่มหลักที่ผู้ประกอบการให้ความสนใจ
โดยเฉพาะตลาดที่อยู่อาศัยที่มีราคาต่ำกว่า 3 ล้านบาท ซึ่งเป็นตลาดที่ผู้ประกอบการพัฒนาโครงการออกมาในระดับนี้เป็นจำนวนมาก ในขณะที่ตลาดระดับราคา 10-15 ล้านบาท ยังสามารถทำยอดขายได้ดี
ขณะนี้ ตลาดบ้านในประเทศไทยเริ่มเข้าสู่ภาวะเติบโตแบบชะลอตัว สาเหตุตลาดเข้าสู่ภาวะต้องการอยู่อาศัยจริง หรือ Real Demand เป็นการซื้อเพื่ออยู่อาศัย ขณะที่ความต้องการยังมีอยู่ แต่ความต้องการนั้นเริ่มตามไม่ทันกับซัพพลายที่ออกสู่ตลาดมากขึ้นในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งการขายบ้านในภาพรวมจะอยู่ที่ 4,000 หลังในปี 2567
ทั้งนี้ ตลาดคอนโดมิเนียมในปี 2566 ผ่านไป ในภาพรวมมีจำนวนเปิดขายที่ 745,335 ยูนิต ขายไป 527,067 ยูนิต คิดเป็น 70.7% โดยมีราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 145,000 บาทต่อ ตร.ม. และหากดูยอดขายที่เปิดขายใหม่ในแต่ละไตรมาสนั้นจะพบว่าสามารถทำยอดขายไปได้กว่า 30 % เท่านั้น ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่ยังไม่กลับไปแตะระดับ 40% เหมือนที่เคยทำได้ในช่วงต้นปี 2566