23 เม.ย. 22.50 น. ถล่มขายทองคำโลก ราคาส่งมอบทันที (Spot) ดิ่ง -66.89 ดอลล์ (-2.2%) ลงแตะกว่า 3,305 ดอลล์ ทองคำล่วงหน้า (Future) ดิ่ง -99 ดอลล์ (-2.9%) สหรัฐจ่อพิจารณาลดภาษี 145% กับจีน

23 เม.ย. 22.50 น. ถล่มขาย ทองคำโลก ราคาส่งมอบทันที (Spot) ดิ่ง -66.89 ดอลล์ (-2.2%) ลงแตะกว่า 3,305 ดอลล์ ทองคำล่วงหน้า (Future) ดิ่ง -99 ดอลล์ (-2.9%) สหรัฐจ่อพิจารณาลดภาษี 145% กับจีน

ตลาดซื้อขายทองคำโลก นิวยอร์ก รายงานว่า วันที่ 23 เมษายน 2025 เวลา 11.50 น. ตามเวลาในสหรัฐอเมริกา หรือตรงกับเวลา 22.50 น. เวลาไทย พบว่า ราคาทองคำส่งมอบทันที หรือ Gold Spot เคลื่อนไหวที่ 3,305.79 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ -66.89 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ หรือ -2.2% เมื่อเทียบจากราคาปิดเมื่อคืนวานก่อนที่ 3,372.68 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ กำลังจะส่งผลให้ราคาทองคำปิดดำดิ่ง 2 วันติดกันหายไปกว่า 111 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ หรือกว่า -3.7% ขณะที่ เมื่อวันที่ 22 เมษายนผ่านมา มีราคาสูงสุดระหว่างเป็นประวัติศาสตร์ครั้งใหม่ที่ระดับ 3,505.05 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์

ตั้งแต่ต้นปีนี้มาถึงวันที่ 27 มีนาคม 2025 ทองคำราคาส่งมอบทันที(Spot)ปิดสูงสุดเป็นประวัติศาสตร์ครั้งใหม่เกิดขึ้น 28 ครั้ง และมีราคาทะยานขึ้นกว่า 26% นอกจากนี้ สิ้นสุดไตรมาสที่ 1 พบว่าราคาทองคำพุ่งดีที่สุดในรอบ 39 ปี หรือตั้งแต่ปี 1986 ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 14 มีนาคมผ่านมา เป็นวันแรกที่ราคาทองคำปิดแตะหลัก 3,000 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ และเมื่อวันที่ 16 เมษายนผ่านมาเป็นครั้งแรกและครั้งประวัติศาสตร์ที่มีราคาแตะหลัก 3,300 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ และวันที่ 21 เมษายน เป็นครั้งแรกและครั้งประวัติศาสตร์ที่มีราคาแตะหลัก 3,400 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์

สอดรับกับราคาทองคำล่วงหน้า หรือ Gold Future นิวยอร์ก สหรัฐ เคลื่อนไหวที่ 3,320.40 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ -99.00 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ หรือ -2.9% เมื่อเทียบจากราคาปิดเมื่อคืนวานก่อนที่ 3,419.40 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ กำลังจะส่งผลให้ราคาทองคำปิดดำดิ่ง 2 วันติดกันหายไปกว่า 104 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ หรือกว่า -3.1% ราคาทองคำล่วงหน้า (Future) ปิดสูงสุดเป็นประวัติศาสตร์ และเกิดขึ้นเป็นครั้งที่ 22 ในปี 2025 นี้ โดยครั้งสุดท้ายเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 21 เมษายนอยู่ที่ 3,425.30 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ ขณะที่ เมื่อวันที่ 14 มีนาคม เป็นครั้งแรกที่มีราคาปิดแตะหลัก 3,000 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ เมื่อวันที่ 16 เมษายนผ่านมาเป็นครั้งแรกและครั้งประวัติศาสตร์ที่มีราคาแตะหลัก 3,300 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ และวันที่ 21 เมษายน เป็นครั้งแรกและครั้งประวัติศาสตร์ที่มีราคาแตะหลัก 3,400 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์

สาเหตุจากเดอะ วอลล์สตรีท เจอร์นัล ซึ่งเป็นสำนักข่าวและสื่อชื่อดังด้านเศรษฐกิจระดับโลกในประเทศสหรัฐอเมริกา รายงานว่าเจ้าหน้าที่ระดับอาวุโส ทำเนียบขาวสหรัฐอเมริกา ได้เปิดเผยว่ากำลังพิจารณาปรับลดอัตราภาษีต่างตอบแทนหรือ Reciprocal Tariffs กับประเทศจีนซึ่งในปัจจุบันอยู่ในระดับ 145% ลงมาอยู่ระหว่าง 50 ถึง 60%

สำหรับแนวทางกําลังพิจารณาปรับลดอัตราภาษีดังกล่าวกับประเทศจีน จะใช้หลักแบบแบ่งระดับชั้น ซึ่งรายการสินค้าใดที่ไม่ถือว่าเป็นภัยคุกคามความมั่นคงของสหรัฐอเมริกาจะให้ปรับอัตราภาษีจัดเก็บที่ 35% ในขณะที่สินค้าใดที่พิจารณาเข้าข่ายมีความสำคัญในเชิงการแข่งขัน หรือเชิงกลยุทธ์เพื่อผลประโยชน์ของประเทศสหรัฐอเมริกานั้น จะพิจารณาจัดเก็บภาษีขั้นเริ่มต้นที่ 100%

ความเคลื่อนไหวดังกล่าวจากทำเนียบขาว สหรัฐอเมริกา เป็นผลมาจากการให้สัมภาษณ์ของประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา นายโดนัลด์ ทรัมป์ เมื่อวานนี้ว่า อัตราภาษีที่ประกาศเก็บสินค้านำเข้าจากจีนจะลดลงมาก แต่จะไม่เหลือศูนย์ เราจะทำดีอย่างมากๆ กับจีน และจีนก็กำลังจะทำดีอย่างมากๆ และเราจะได้เห็นว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง นอกจากนี้ ไม่มีความจำเป็นอะไรที่จะต้องเล่นเกมหนักในการเจรจากับประธานาธิบดีจีน นายสี จิ้นผิง และจะไม่ยกเรื่องโรคระบาดโควิด-19 มาคุยด้วย ซึ่งมองว่าเป็นเรื่องที่อ่อนไหวในทางการเมืองของจีน

นอกจากนี้ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกานายโดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวให้สัมภาษณ์ที่ทำเนียบขาว สหรัฐอเมริกา เมื่อคืนที่ผ่านมาว่าไม่มีความตั้งใจที่จะปลดประธานธนาคารกลางสหรัฐ นายเจอโรม พาวเวลล์ ซึ่งตั้งแต่ปลายสัปดาห์ที่ผ่านมานายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา โพสต์ข้อความในสื่อโซเชียลต่อเนื่องในลักษณะตำหนิและวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรง รวมถึงมีการปรึกษาหารือกับผู้ที่เกี่ยวข้องทางกฎหมายที่จะปลดนายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา หรือเฟด ทั้งนี้ ประธานเฟดมีเวลาอยู่ในตำแหน่งถึงเดือนพฤษภาคม 2026

ติดตาม BTimes ได้ตามช่องทางข้างล่างนี้
Latest Posts

Related Articles