27 ก.ย. เงินบาทต่อดอลลาร์สหรัฐ แข็งค่าแรงแตะ 32.37 แข็งค่าสูงสุดในรอบ 2 ปี 6 เดือนครั้งใหม่ หรือตั้งแต่มีนาคม 2022

27 ก.ย. เงินบาท ต่อดอลลาร์สหรัฐ แข็งค่าแรงแตะ 32.37 แข็งค่าสูงสุดในรอบ 2 ปี 6 เดือนครั้งใหม่ หรือตั้งแต่มีนาคม 2022

ตลาดซื้อขายอัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงินต่างประเทศในไทย เช้าวันนี้ 27 กันยายน 2024 รายงานว่าค่าเงินบาทเทียบดอลลาร์สหรัฐ เปิดตลาดและเคลื่อนไหวมาขึ้นแตะที่ระดับสูงสุด 32.37 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ ส่งผลทำสถิติเงินบาทแข็งค่ามากที่สุดในรอบ 2 ปี 6 เดือนครั้งใหม่ หรือนับตั้งแต่มีนาคม ปี 2022 เป็นต้นมา

ดังนั้น ผลตอบแทนค่าเงินบาทเทียบเงินดอลลาร์สหรัฐในช่วงที่ผ่านมาแต่ละระยะเวลามาถึงวันนี้ 25 กันยายน 2024 เมื่อเวลา 10.30 น. มีดังนี้ ใน 1 สัปดาห์ แข็งค่า 2.29% ใน 1 เดือน แข็งค่า 4.63% ใน 3 เดือน แข็งค่า 12.31% ใน 6 เดือน แข็งค่า 10.78 % ใน 12 เดือน แข็งค่า 10.99% และตั้งแต่ต้นปีนี้มาถึงวันนี้แข็งค่า 5.46%

สาเหตุจากการอ่อนค่าลงต่อเนื่องของเงินดอลลาร์สหรัฐ เนื่องจากนักงทุนรอฟังการเปิดมุมมองเศรษฐกิจสหรัฐของประธานธนาคารกลางสหรัฐ และการประกาศตัวเลขรายจ่ายส่วนบุคคลชาวอเมริกันในคืนวันนี้ นอกจากนี้ เมื่อวานนี้ ธนาคารกลางสวิตเซอร์แลนด์ และธนาคารกลางสวีเดน ลดดอกเบี้ยระยะสั้นต่อเนื่อง โดยธนาคารกลางสวิตเซอร์แลนด์ ลดดอกเบี้ยระยะสั้นเป็นครั้งที่ 3 ในปีนี้ลง 0.25% มาอยู่ที่ 1.0% ธนาคารกลางสวิตเซอร์แลนด์เป็นธนาคารกลางรายใหญ่แห่งแรกในตะวันตกที่ลดอัตราดอกเบี้ยลงในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ท่ามกลางอัตราเงินเฟ้อประเทศที่ยังคงต่ำ โดยตัวเลขล่าสุดชี้ว่าเพิ่มขึ้น 1.1% ต่อปีในเดือนสิงหาคม และธนาคารกลางสวีเดน ประกาศลดอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นลง 0.25% ลงมาเป็น 3.25% เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อในปัจจุบันต่ำกว่าเป้าหมายอย่างเป็นทางการ

ตลาดเงินในเอเชียได้รับแรงกดดันจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ในรอบ 5 ปี ของรัฐบาลจีนที่ประกาศตั้งแต่วันที่ 24 กันยายนผ่านมา ซึ่งทำให้นักลงทุนมีความมั่นใจและตอบสนองต่ออัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงินมตเอเชียต่อเนื่อง โดยเมื่อวานนี้ 26 กันยายน 2024 รัฐบาลจีนเตรียมใช้มาตรการแจกเงินเพื่อเป็นการอุดหนุนค่าครองชีพของกลุ่มประชาชนชาวจีนระดับรากหญ้า โดยจะพุ่งเป้าไปที่การแจกเงินให้กับประชาชนชาวจีนที่มีความยากจนคนแค้น และเป็นการแจกเงินสดเพียงครั้งเดียวเท่านั้น

เมื่อวันที่ 24 กันยายน 2024 ผู้ว่าการธนาคารกลางจีนแผ่นดินใหญ่หรือพีบีโอซี นายปัน กงเฉิง เปิดแถลงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจีนหลากหลายอย่างที่อยู่ในความดูแลของธนาคารกลางจีน เช่น ลดอัตราดอกเบี้ยและสั้นหรือดอกเบี้ยนโยบาย ลดทุนสำรองขั้นต่ำของธนาคารพาณิชย์ เป็นต้น โดยมุ่งหวังให้อัตราการขยายตัวเศรษฐกิจจีนในปีนี้เติบโตที่เป้าหมาย 5% ของรัฐบาลจีน การประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นพร้อมกับปรับลดเงินทุนสำรองขั้นต่ำของธนาคารพาณิชย์เกิดขึ้นพร้อมกันในวันนี้นับเป็นครั้งแรกในรอบกว่าหลายทศวรรษที่ผ่านมา

สำหรับมาตรการสำคัญที่ประกาศในเช้าวันนี้ ได้แก่ ธนาคารกลางจีนลดอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นจากเดิมที่ระดับ 1.7% ลงอีก 0.2% มาอยู่ที่ระดับ 1.5% มีประกาศคำสั่งไปถึงธนาคารพาณิชย์ให้ปรับลดทุนสำรองเงินขั้นต่ำของธนาคารพาณิชย์ลง 0.5% ทำสถิติอัตราทุนสำรองเงินของธนาคารพาณิชย์ขั้นต่ำที่น้อยที่สุดในรอบ 4 ปีที่ผ่านมา หรือนับตั้งแต่ปี 2020 ส่งผลให้จะมีสภาพคล่องกลับคืนเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ 1 ล้านล้านหยวนหรือประมาณ 142,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 4.83 ล้านล้านบาท นอกจากนี้ยังประกาศให้ ธุรกิจบริษัทหลักทรัพย์รวมไปถึงกองทุนบริหารการเงินการลงทุนต่างๆสามารถยื่นขอเงินทุนจากธนาคารกลางจีนเพื่อนำไปซื้อหุ้น เพื่อเป็นการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ของจีนด้วย

ด้านมาตรการฟื้นภาคอสังหาริมทรัพย์ของจีน ได้แก่ ปรับลดเงินดาวน์สำหรับประชาชนจีนที่ซื้อบ้านหลังที่สองจากเดิมที่กำหนดไว้ 25% ลงมาอยู่ที่ระดับ 15% ส่งผลให้สามารถลดต้นทุนในการกู้ยืมเงินเพื่อซื้ออสังหาริมทรัพย์ได้มากถึง 5.3 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 180.2 ล้านล้านบาท

ติดตาม BTimes ได้ตามช่องทางข้างล่างนี้
Latest Posts

Related Articles