ตลาดหุ้นโตเกียว ญี่ปุ่น เปิดการซื้อขายในวันนี้ 7 เมษายน 2025 เมื่อเวลา 9.30 น. ตามเวลาญี่ปุ่น หรือตรงกับเวลา 7.30 น. เวลาไทย พบว่า ดัชนีหุ้นนิกเคอิ 225 เปิดตลาดดำดิ่งลงหนักถึง -2,050 จุด หรือ -6.00% หลังจากนั้นไม่นาน เมื่อเวลา 8.15 น. เวลาไทย ซึ่งตรงกับเวลา 10.15 น. ของญี่ปุ่น ดัชนีหุ้นนิกเคอิ 225 ดำดิ่งแรงอีกถึง -2,987 จุด หรือ -8.5% ที่ระดับต่ำสุดแตะ 30,792 จุด ทำสถิติต่ำสุดระหว่างวันในรอบ 1 ปี 5 เดือนผ่านมา หรือนับตั้งแต่เดือนตุลาคม 2023
ที่สำคัญดัชนีหุ้นดังกล่าวดำดิ่งอย่างรุนแรงถึง -23% เมื่อเทียบกับสถิติดัชนีหุ้นนิกเอิปิดสูงสุดเป็นประวัติศาสตร์ซึ่งเกิดขึ้นในเดือนมกราคม 2025 ที่ผ่านมาส่งผลให้ดัชนีหุ้นนิกเคอิ 225 เข้าสู่ภาวะตลาดหมี หรือ Bear Market อย่างสมบูรณ์แบบ ในขณะที่ค่าเงินเยนเทียบเงินดอลลาร์สหรัฐเปิดตลาดในเช้าวันนี้พุ่งแข็งค่าขึ้น 0.45% มาอยู่ที่ระดับ 145 เยนต่อดอลลาร์สหรัฐ เนื่องจากนักลงทุนประเมินค่าเงินเยนจะเป็นสกุลเงินที่ปลอดภัยที่สุดเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐท่ามกลางภาวะตลาดทุนทั่วโลกตกต่ำเลวร้ายโดยเฉพาะตลาดหุ้นสหรัฐที่ย่ำแย่ที่สุดในรอบเกือบ 5 ปี
ที่น่าสนใจคือ ก่อนหน้าที่ตลาดหุ้นโตเกียวจะเปิดทำการในเช้าวันนี้พบว่า ดัชนีหุ้นนิกเคอิ 225 ล่วงหน้า หรือ Future ต้องหยุดแสดงผลการเคลื่อนไหว สาเหตุจากค่าดัชนีดังกล่าวร่วมลงอย่างรุนแรงจนกระทั่งเข้าสู่การใช้มาตรการเซอร์กิต เบรกเกอร์ (Circuit Breaker) ของตลาดหุ้นโตเกียวญี่ปุ่น
ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 31 มีนาคมผ่านมา แรงเทขายอย่างรุนแรงในตลาดหุ้นโตเกียวส่งผลให้ดัชนีหุ้นนิกเคอิ 225 ดำดิ่งเกือบ -12% เข้าสู่ภาวะดัชนีหุ้นปรับฐานอย่างเป็นทางการ หรือ Correction ซึ่งติดลบเกินกว่า 10% เมื่อเทียบจากสถิติดัชนีหุ้นนิกเคอิที่ปิดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อเดือนธันวาคม 2024 ขณะที่สิ้นสุดในไตรมาสที่ 1 ของปีนี้ ดัชนีหุ้นดังกล่าวตกต่ำถึง -11% ทำสถิติตราดหุ้นโตเกียวที่เลวร้ายที่สุดในรอบ 4 ปี หรือนับตั้งแต่เดือนมีนาคมปี 2020 เป็นต้นมา
นอกเหนือจากภาวะตลาดหุ้นโตเกียวประเทศญี่ปุ่นจะอยู่ในภาวะแรงเทขายอย่างรุนแรงเมื่อเปิดตลาดเช้าวันนี้ ในเวลาเดียวกันกับดัชนีหุ้นคอสปี้ (Kospi) ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เปิดตลาดดำดิ่งลงอย่างรุนแรงถึง -4.34% เช่นเดียวกันกับตลาดหุ้นออสเตรเลีย ปรากฏว่าดัชนีหุ้นเอเอสเอ็กซ์ 200 เปิดตลาดดำดิ่งอย่างรุนแรงถึง -6.07% ส่งผลให้ดัชนีหุ้นดังกล่าวในตลาดหุ้นออสเตรเลียทรุดหนักเกินกว่า 10% โดยร่วงลึกถึง -11% เข้าสู่ภาวะตลาดปรับฐานอย่างเป็นทางการหรือคอลเลคชั่นเมื่อเทียบกับสถิติที่ปิดสูงสุดเป็นประศเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2025 ที่ผ่านมา
สาเหตุเกิดจาก สงครามภาษีที่ส่อเค้าสร้างผลกระทบรุนแรงและเป็นวงกว้างกับเศรษฐกิจโลกหลังจากรัฐบาลจีนประกาศขึ้นอัตราภาษีนำเข้าสูงถึง 34% กับสินค้าทุกชนิดจากสหรัฐอเมริกา และประกาศให้ 11 บริษัทจำกัดการทำธุรกิจส่งออกนำเข้ากับสหรัฐ นอกจากนี้ท่าทีของผู้นำสูงสุดสหรัฐอเมริกาที่โพสต์ข้อความและให้สัมภาษณ์ในช่วงเช้าที่ผ่านตามเวลาในเอเชียสะท้อนถึงท่าทีที่แข็งกล่าวของสหรัฐอเมริกาเกี่ยวกับการไม่เจรจาอัตราภาษีดังกล่าวกับจีนและสหภาพยุโรป
เมื่อวันที่ 31 มีนาคมผ่านมา ตลาดหุ้นโตเกียว ญี่ปุ่น ปิดการซื้อขายในดังกล่าว พบว่า ดัชนีหุ้นนิกเคอิ 225 ดำดิ่งลงหนักถึง -1,502 จุด หรือ -4.05% ปิดที่ระดับ 35,617 จุด ทำสถิติปิดต่ำสุดในรอบ 6 เดือนผ่านมาหรือนับตั้งแต่เดือนตุลาคม 2024 และยังส่งผลให้ดัชนีหุ้นดังกล่าวดำดิ่งเกือบ -12% เข้าสู่ภาวะดัชนีหุ้นปรับฐานอย่างเป็นทางการ หรือ Correction ซึ่งติดลบเกินกว่า 10% เมื่อเทียบจากสถิติดัชนีหุ้นนิกเคอิที่ปิดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อเดือนธันวาคม 2024 ขณะที่สิ้นสุดในไตรมาสที่ 1 ของปีนี้ ดัชนีหุ้นดังกล่าวตกต่ำถึง -11% ทำสถิติตราดหุ้นโตเกียวที่เลวร้ายที่สุดในรอบ 4 ปี หรือนับตั้งแต่เดือนมีนาคมปี 2020 เป็นต้นมา
สาเหตุจากนักลงทุนแห่เทขายหุ้นแทบทุกกลุ่มโดยเฉพาะอย่างยิ่งมีการเทขายหุ้นออกเป็นจำนวนมากในกลุ่มอุตสาหกรรมสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ และสถาบันการเงิน ที่กำลังจะต้องเผชิญกับความเสี่ยงและความไม่แน่นอนสูงมากในวันที่ 2 เมษายนนี้ ซึ่งเป็นวันที่ประธานาธิบดีสหรัฐ นายโดนัลด์ ทรัมป์ จะลงนามในการประกาศบังคับใช้มาตรการภาษีต่างตอบแทน หรือ Reciprocal Tariffs ซึ่งจะมีการอัตราการจัดเก็บสูงถึง 20% กับทุกประเทศที่ทำการค้ากับสหรัฐอเมริกา นอกจากนี้อีกหนึ่งปัจจัยที่กดดันให้มีการเทขายหุ้นตลอดทุกวันนี้คือค่าเงินเยนเทียบดอลลาร์สหรัฐที่ปรับทะยานแข็งค่าขึ้นสูงมาก
สถานการณ์ตลาดหุ้นในเอเชีย และโอเชียเนีย เปิดตลาดเช้าวันที่ 31 มีนาคม 2025 เมื่อเวลา 7.40 น. ตามเวลาไทย พบว่านักลงทุนล้วนตัดสินใจเทขายหุ้นอย่างหนาตาส่งผลให้ดัชนีหุ้นสำคัญในแต่ละตลาดหุ้นขนาดใหญ่ในภูมิภาคดังกล่าวเปิดตลาดด้วยดัชนีดำดิ่งลงอย่างรุนแรง เริ่มจากดัชนีหุ้นนิกเคอิ ตลาดหุ้นโตเกียว ญี่ปุ่น ดำดิ่งลงมากถึง -1,197 จุด หรือ -3.23% มาเคลื่อนไหวที่ระดับ 35,922 จุด ถัดมาที่ตลาดหุ้นออสเตรีย ดัชนีหุ้นเอเอสเอ็กซ์ 200 ร่วงหนักถึง -117 จุด หรือ -1.47% เคลื่อนไหวที่ระดับ 7,864 จุด ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ดัชนีหุ้นคอสปี้ ทรุดต่ำลง -60 จุด หรือ -2.4% เคลื่อนไหวที่ระดับ 2,548 จุด เป็นต้น
ในสัปดาห์นี้จะเป็นสัปดาห์ที่เต็มไปด้วยความผันผวน และความไม่แน่นอนสูงมาก หลังจากประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศใช้มาตรการภาษีต่างตอบแทน หรือ Reciprocal Tariffs ด้วยการเก็บภาษีสูงระหว่าง 10 ถึง 50% กับประเทศที่ทำการค้ากับสหรัฐอเมริกา นอกจากนี้รัฐบาลสหรัฐอเมริกาได้ประกาศบังคับใช้มาตรการเก็บภาษีสูง 25% กับสินค้าประเภทรถยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์ที่ไม่ได้ผลิตในประเทศสหรัฐอเมริกาโดยมีผลวันที่ 2 เมษายนนี้และจะเริ่มเก็บอัตราภาษีดังกล่าวตั้งแต่วันที่ 3 เมษายนนี้เป็นต้นไป