บมจ. ซีพี ออลล์ (CPALL) ชี้แจงเกี่ยวกับการที่ผู้ถือหุ้นและผู้ลงทุนจำนวนมากยังคงแสดงความกังวลใจที่บริษัทจะเข้าร่วมลงทุนในบริษัทค้าปลีกของประเทศญี่ปุ่นตามข่าวที่ปรากฏในช่วงที่ผ่านมา โดยบริษัทมีนโยบายในการลงทุนที่อยู่บนพื้นฐานของผลประโยชน์สูงสุดผู้ถือหุ้น ผู้มีส่วนได้เสีย และมุ่งเน้นที่จะสร้างการเติบโตของธุรกิจหลักของบริษัทเป็นสำคัญ และบริษัทขอยืนยันว่าไม่มีความประสงค์ที่จะเข้าร่วมลงทุนตามข่าวที่ปรากฏแต่อย่างใด
โดยก่อนหน้านี้ในช่วงต้นเดือนก.พ. 68 มีกระแสข่าวออกมาจากสื่อต่างประเทศเกี่ยวกับกลุ่มทุนที่จะเข้าซื้อกิจการ เซเว่น แอนด์ ไอ (Seven & i) เจ้าของเซเว่นอีเลฟเว่น (7-Eleven) ในญี่ปุ่น เดินหน้าระดมทุนครั้งใหญ่ โดยได้ติดต่อซิตี้แบงก์ และแบงก์ออฟอเมริกา ร่วมสนับสนุนวงเงินกู้ ขณะที่ CPALL ผู้นำค้าปลีกรายใหญ่ของไทยและผู้ถือสิทธิ์แฟรนไชส์ 7-Eleven กำลังพิจารณาที่จะร่วมลงทุน 5 แสนล้านเยน และทาง CPALL ได้มีการแจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์เมื่อช่วงต้นเดือนก.พ. ที่ผ่านมาว่า บริษัทยังไม่มีการดำเนินการและไม่มีการเปลี่ยนแปลงจากที่เคยแจ้งไว้ หากบริษัทฯมีการดำเนินการใดๆ บริษัทฯจะทำการชี้แจงต่อสาธารณะผ่านช่องทางของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยต่อไป
ขณะที่ หุ้นเซเว่น แอนด์ ไอ โฮลดิ้งส์ (Seven & i Holdings Co.) ร่วงลง 12.44% ในการซื้อขายที่ตลาดหุ้นญี่ปุ่นช่วงเช้าวันนี้ (27 ก.พ.) หลังจากมีรายงานว่า ตระกูลอิโตะ ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งบริษัท ไม่สามารถระดมเงินทุนเพื่อเข้าซื้อกิจการได้
สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานว่า การที่ราคาหุ้นเซเว่น แอนด์ ไอ ซึ่งเป็นผู้ประกอบการเครือร้านสะดวกซื้อเซเว่น อีเลฟเว่น (7-Eleven) ร่วงลงอย่างหนักในช่วงเช้าวันนี้ ส่งผลให้มูลค่าตามราคาตลาด (มาร์เก็ตแคป) ของบริษัทลดลงกว่า 5 พันล้านดอลลาร์
เซเว่น แอนด์ ไอ เปิดเผยในวันนี้ว่า ตระกูลอิโตะไม่สามารถหาเงินทุนที่จำเป็นสำหรับการซื้อกิจการในรูปแบบ Management Buyout (MBO) มูลค่า 5.8 หมื่นล้านดอลลาร์ได้ และบริษัทจะพิจารณาข้อเสนอของคู่แข่งอย่าง อาลีมองตาซิยง คูช-ตาร์ (Alimentation Couche-Tard) ยักษ์ใหญ่ร้านสะดวกซื้อของแคนาดา
ก่อนที่สถานการณ์จะมาถึงจุดดังกล่าว แหล่งข่าววงในได้เปิดเผยว่า การเจรจาภายในกลุ่มผู้เสนอซื้อกิจการเซเว่น แอนด์ ไอ ต้องหยุดชะงักลง เนื่องจากความคิดเห็นที่ไม่ตรงกันเกี่ยวกับการควบคุมบริษัทหลังการซื้อกิจการ
ตระกูลอิโตะผู้ก่อตั้ง และบริษัทเทรดดิ้งรายใหญ่ของญี่ปุ่นอย่าง อีโตชู (Itochu) ยังไม่สามารถตกลงกันได้เกี่ยวกับองค์ประกอบของคณะกรรมการบริษัทภายหลังการซื้อกิจการซึ่งจะทำให้เซเว่น แอนด์ ไอกลับไปเป็นบริษัทเอกชน ด้านหนังสือพิมพ์นิกเกอิรายงานว่า อีโตชู ซึ่งเป็นเจ้าของกิจการร้านสะดวกซื้อ แฟมิลี่มาร์ท (FamilyMart) อาจถอนตัวจากข้อตกลงนี้
หากข้อเสนอซื้อกิจการล้มเหลว ริวอิจิ อิซากะ ซีอีโอของเซเว่น แอนด์ ไอ อาจไม่มีทางเลือกนอกจากเข้าเจรจากับอาลีมองตาซิยง คูช-ตาร์ ซึ่งเสนอซื้อกิจการเซเว่น แอนด์ ไอ ก่อนหน้านี้ด้วยมูลค่ากว่า 7 ล้านล้านเยน
ทั้งนี้ข้อเสนอซื้อกิจการในรูปแบบ Management Buyout (MBO) โดยตระกูลอิโตะและบริษัทอีโตชูเกิดขึ้นในเดือนพ.ย. ปีที่แล้ว เพื่อขัดขวางการเข้าซื้อของอาลีมองตาซิยง คูช-ตาร์ และรักษาแบรนด์ชั้นนำไม่ให้ตกไปอยู่ในมือต่างชาติ ซึ่งตามรายงานข่าวนั้น ตระกูลอิโตะจะลงทุนประมาณ 5 แสนล้านเยน ขณะที่บริษัทอีโตชูจะลงทุนมากกว่า 1 ล้านล้านเยน ส่วนที่เหลือจะมาจากนักลงทุนรายอื่นๆ และเงินทุนจากธนาคารชั้นนำของญี่ปุ่น