ในงานสัมมนา “พลังงานสะอาด” ความยั่งยืน และทางรอดธุรกิจยุคใหม่ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยภายหลังกล่าวปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ “รื้อ ลด ปลด สร้าง เพื่อเปลี่ยนผ่านพลังงานสู่ความยั่งยืน” ว่า นโยบายพลังงานภายใต้การนำของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จะเดินหน้า ตามแนวทาง รื้อ-ลด-ปลด-สร้าง เดินหน้าออกกฎหมาย 3 ฉบับ ได้แก่ กฎหมายกำกับกิจการค้าน้ำมันเชื้อเพลิง รวมถึงกฎหมายส่งเสริมการใช้ไฟฟ้าจากพลังแสงอาทิตย์(โซลาร์) การออกกฎหมายการจัดทำระบบสำรองน้ำมันทางยุทธศาสตร์เพื่อความมั่นคงของประเทศ หรือ SPR (Strategic Petroleum Reserve) คาดว่า 2 ฉบับแรกจะเข้าสภาฯได้ภายในปีนี้ ส่วนฉบับที่ 3 จะเข้าสภาฯปี 2568 เมื่อกฎหมายทั้งหมดบังคับใช้จะสร้างความเป็นธรรมด้านพลังงานให้ประชาชน โดยเฉพาะราคาน้ำมันที่ไม่มีกฎหมายกำกับดูแล ปล่อยให้ผู้ค้าน้ำมันกำหนดราคาเอง กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงก็ไม่มีความจำเป็น ส่วนหนี้กองทุนฯปัจจุบันกว่า 1 แสนล้านบาทนั้น ด้วยเครื่องมือใหม่จะหักลบหนี้ได้เองในอนาคต
สำหรับนโยบายเร่งด่วนในการดูแลค่าครองชีพประชาชน ในส่วนของราคาแอลพีจี มาตรการตรึงราคาที่ 423 บาทต่อถัง 15 กิโลกรัม(กก.) 1 กรกฎาคม – 30 กันยายน 2567 ซึ่งในเบื้องต้นจะเสนอคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) ตรึงราคาดังกล่าวต่อไปอีก 3 เดือน คือ 1 ตุลาคม – 31 ธันวาคม 2567 ส่วนราคาดีเซลเพดานไม่เกิน 33 บาท ที่คณะรัฐมนตรี(ครม.) อนุมัติตรึงราคา 1 สิงหาคม – 31 ตุลาคม 2567 นั้น จะต้องรอครม.ชุดใหม่ พิจารณาต่อไป
ขณะที่ ความคืบหน้าแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้า(พีดีพี) 2024 ขณะนี้อยู่ระหว่างรวบรวมความเห็นจากทุกภาคส่วน อาทิ ข้อเสนอของส.ส. เพื่อให้การจัดทำแผนครบถ้วนมากที่สุด โดยได้เน้นย้ำหน่วยงานรับผิดชอบให้ดำเนินการโดยเร็ว ส่วนการเจรจาพื้นที่อ้างสิทธิในไหล่ทวีปทับซ้อนกันของไทยกับกัมพูชา หรือ โอซีเอ ไม่อยากให้เรียกพื้นที่ทับซ้อน เพราะเป็นการอ้างสิทธิพื้นที่ประเทศไทย ที่ปัจจุบันมีคณะกรรมการร่วมด้านเทคนิค (JTC) ไทย-กัมพูชา (ฝ่ายไทย) ที่มี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานอยู่เดิม ต้องอยู่ที่รัฐบาลว่าพิจารณารูปแบบใด