ไทยผงาดคุ้มครองเงินฝากส่วนใหญ่อันดับ 2 ในเอเชีย ติดอันดับ 13 ของโลก คาดฝากเงินปีนี้เพิ่มสูงสุด 3% จากเศรษฐกิจฟื้นตัวช้า

ไทยผงาด คุ้มครองเงินฝาก ส่วนใหญ่อันดับ 2 ในเอเชีย ติดอันดับ 13 ของโลก คาดฝากเงินปีนี้เพิ่มสูงสุด 3% จากเศรษฐกิจฟื้นตัวช้า

ดร. มหัทธนะ อัมพรพิสิฏฐ์ ผู้อำนวยการ สถาบันคุ้มครองเงินฝาก เปิดเผยว่าปัจจุบันประเทศไทยมีบัญชีฝากเงินทั้งบุคคล นิติบุคคล และองค์กรรัฐ รวมกันทั้งสิ้น 99.25 ล้านราย เพิ่มขึ้น 4.50 ล้านราย สำหรับประชาชนคนไทยมีเงินฝากอยู่ในบัญชีที่ 16.32 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.40% หรือมีมูลค่าเพิ่มขึ้น 0.22 ล้านล้านบาท

ข้อมูลยังพบว่าเงินฝากในกลุ่มผู้ฝากเงินในบัญชีที่น้อยกว่า 50,000 บาทลงมา ปรากฏว่าเพิ่มขึ้นสูงที่สุด 4.74% ของทั้งหมด โดยโครงการเงินช่วยเหลือภาคสาเหตุจากโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจในรูปแบบเงินช่วยเหลือจากรัฐบาล ทำให้อัตราเงินฝากในเดือนกันยายน 2567 พุ่งขึ้น 6.83% สูงกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 3 ปีในช่วงเดือนเดียวกัน ที่ 2.50%

ผู้ฝากกลุ่มที่มีเงินฝากในบัญชีมากกว่า 100 ล้านบาทขึ้นไป เพิ่มขึ้นเป็นอันดับ 2 อยู่ที่ 2.70% ซึ่งคาดว่าเป็นการเพิ่มขึ้นในบัญชีประเภทเงินฝากประจำ สาเหตุจากอัตราดอกเบี้ยที่ยังอยู่ในระดับสูง รวมถึงการนำเงินมาพักเพื่อรอความชัดเจนของสภาพเศรษฐกิจ จึงส่งผลให้อัตราการเติบโตของเงินฝากกลุ่มนี้ยังคงขยายตัวเมื่อเทียบกับปี 2566

รายละเอียดการฝากเงินในบัญชีมีดังนี้
วงเงินฝากน้อยกว่าหรือเท่ากับ 50,000 บาท มีอัตราการฝากเพิ่มขึ้น 4.84% วงเงินฝากมากกว่า 50,000 บาทถึง 100,000 บาท มีอัตราการฝากเพิ่มขึ้น 2.16% วงเงินฝากมากกว่า 100,000 บาทถึง 200,000 บาท มีอัตราการฝากเพิ่มขึ้น 0.87%

วงเงินฝากมากกว่า 200,000 บาทถึง 500,000 บาท มีอัตราการฝากลดลง 0.32% วงเงินฝากมากกว่า 500,000 บาทถึง 1,000,000 บาท มีอัตราการฝากลดลง 1.83% วงเงินฝากมากกว่า 10,000,000 บาทถึง 25,000,000 บาท มีอัตราการฝากเพิ่มขึ้น 1.51%

วงเงินฝากมากกว่า 25,000,000 บาทถึง 50,000,000 บาท มีอัตราการฝากลดลง 0.26% วงเงินฝากมากกว่า 50,000,000 บาทถึง 100,000,000 บาท มีอัตราการฝากลดลง 1.06% และวงเงินฝากมากกว่า 100,000,000 บาทขึ้นไป มีอัตราการฝากเพิ่มขึ้น 2.70%

ผู้อำนวยการ สถาบันคุ้มครองเงินฝาก DPA เปิดเผยต่อไปว่า แนวโน้มการขยายตัวของเงินฝากในไทยปี 2568 นี้ ประเมินว่าจะอยู่ที่ 1 – 3% สอดคล้องกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยที่เติบโตขึ้นอย่างช้า ๆ สาเหตุจากความไม่แน่นอนทั้งภายในและนอกประเทศ อย่างไรก็ตาม จากการจัดทำผลสำรวจของ DPA พบว่าการรับรู้เกี่ยวกับการคุ้มครองเงินฝากและสถาบันคุ้มครองเงินฝากในปี 2566 อยู่ที่ 49.84% ของสัดส่วนประชาชนไทย และคนไทยกลุ่มเจน เบบี้บูมเมอร์ หรืออายุ 59-77 ปี หรือกลุ่มคนที่เกิดระหว่างปี 2489-2507 เป็นสัดส่วนที่ไม่รู้เกี่ยวกับการคุ้มครองเงินฝาก และสถาบันคุ้มครองเงินฝาก สูงสุดในทุกช่วงวัย ซึ่งคิดเป็น 62.55% ทั้งๆ ที่ เป็นกลุ่มที่มีจำนวนเงินฝากสูง

ทั้งนี้ อันดับความสามารถในการคุ้มครองผู้ฝากเงินส่วนใหญ่ของประเทศไทยถูกจัดอยู่ในอันดับที่ 2 ของเอเชีย และอันดับที่ 31 ของโลก ผู้ฝากที่ได้รับความคุ้มครองเต็มจำนวนภายใต้วงเงินคุ้มครองไม่เกิน 1 ล้านบาทต่อ 1 รายผู้ฝากและต่อ 1 สถาบันการเงิน จะอยู่ที่ 97.46 ล้านราย คิดเป็นอัตราส่วน 98.20% ของผู้ฝากที่ได้รับความคุ้มครองทั้งระบบ

ติดตาม BTimes ได้ตามช่องทางข้างล่างนี้
Latest Posts

Related Articles