ดัชนี SET Index หุ้นไทยปิดวันนี้ที่ 1,454.84 จุด พุ่งขึ้น 19.07 จุด หรือ 1.33% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 67,668.10 ล้านบาท ซึ่งดัชนีหุ้นไทย ทำสถิติสูงสุดในรอบ 11 เดือนหรือนับตั้งแต่วันที่ 12 ตุลาคม 2566 ระหว่างวันผันผวนในแดนบวก ตามทิศทางเดียวกับหุ้นต่างประเทศ ตอบรับเฟดลดดอกเบี้ยแรง 0.5% โดยหุ้นที่ปรับขึ้นส่วนใหญ่เป็นกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากเรื่องดังกล่าว
สำหรับ 3 หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด ได้แก่
- EA มูลค่าการซื้อขาย 2,857.30 ล้านบาท ปิดที่ 8.95 บาท ลดลง 0.50 บาท
- KBANK มูลค่าการซื้อขาย 2,711.76 ล้านบาท ปิดที่ 157.00 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง
- DELTA มูลค่าการซื้อขาย 2,465.40 ล้านบาท ปิดที่ 108.50 บาท เพิ่มขึ้น 4.50 บาท
นายณัฐชาต เมฆมาสิน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทรีนีตี้ กล่าวว่า การปรับลดดอกเบี้ยของเฟด 0.5% ทำให้สภาพคล่องในหุ้นไทยดีขึ้น เริ่มมีเงินลงทุนต่างชาติทยอยไหลย้อนหลับเข้ามาในระบบตลาดทุน ซึ่งถือเป็นปัจจัยที่จะช่วยประคับประคองตลาดหุ้นไทยในช่วงไตรมาสที่ 4 นี้ แนะนำ หลีกเลี่ยงลงทุนหุ้นกลุ่มน้ำมัน ปิโตรเคมี แม้ราคาส่วนใหญ่ของหุ้นกลุ่มนี้จะยังอยู่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย แต่ความกังวลด้านเศรษฐกิจโลกชะลอตัว มีโอกาสที่จะกดดันราคาต่อไปได้
ด้านบล.บัวหลวง ระบุว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้วันนี้ปรับตัวเพิ่มขึ้นตามทิศทางตลาดหุ้นภูมิภาค และดาวโจนส์ฟิวเจอร์สที่ยังบวกต่อเนื่อง ขานรับปัจจัยหนุนธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับลดดอกเบี้ยลงมา 0.50% ตามที่ตลาดให้น้ำหนักไว้ เป็นแรงหนุนต่อตลาดหุ้น โดยเฉพาะตลาดหุ้นในกลุ่มประเทศเกิดใหม่ ส่วนบ้านเรารับแรงซื้อหุ้นใหญ่ที่ได้รับอานิสงส์เชิงบวกจากดอกเบี้ยขาลง โดยเฉพาะกลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ โรงไฟฟ้า และค้าปลีก ทำให้เป็นแรงหนุนต่อดัชนีตลาดหุ้นไทยในวันนี้ แม้ว่าปัจจัยในประเทศยังไม่มีเรื่องใหม่เข้ามาอย่างมีนัยสำคัญ
แนวโน้มพรุ่งนี้คาดตลาดแกว่งไซด์เวย์ ติดตามการประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) จะมีการพิจารณาดอกเบี้ยอย่างไร ซึ่งจะมีผลต่อตลาดหุ้นภูมิภาค และค่าเงินเยน รวมถึงค่าเงินดอลลาร์สหรัฐด้วยเช่นกัน โดยให้แนวต้าน 1,460-1,465 จุด แนวรับ 1,435-1,440 จุด