นายทรงพล เทพนำโสมนัสส์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านธุรกิจเอนเนอร์ยี่โซลูชัน บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR ร่วมถ่ายทอดแนวคิดของ OR ในฐานะผู้บุกเบิกการพัฒนาเชื้อเพลิงอากาศยานแบบยั่งยืน (SAF) ในประเทศไทย ในงาน “Thai Aviation Sustainability Day” ณ หอประชุม ศาสตราจารย์สังเวียน อินทรวิชัย ชั้น 7 ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กรุงเทพฯ
นายทรงพล กล่าวว่า OR ในฐานะผู้นำตลาดในธุรกิจน้ำมันอากาศยานของไทยด้วยส่วนแบ่งตลาด 54% ที่พร้อมเดินหน้ามุ่งสู่การเป็นผู้นำด้านเชื้อเพลิงอากาศยานแบบยั่งยืน (SAF) ระดับประเทศ ด้วยประสบการณ์กว่า 49 ปีในวงการการบินของประเทศไทย OR ได้พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่แข็งแกร่ง ซึ่งประกอบด้วยคลังน้ำมันอากาศยาน 7 แห่ง และสถานีเติมน้ำมันอากาศยานกว่า 12 แห่งทั่วประเทศ โดยทั้งหมดดำเนินงานภายใต้มาตรฐาน JIG Standard (Joint Inspection Group Standard) ที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล นอกจากนี้ OR ยังอยู่ระหว่างเตรียมความพร้อมเพื่อขอรับการรับรองมาตรฐาน Sustainability Certification จาก ISCC (International Sustainability and Carbon Certification) ภายในไตรมาสที่ 4 ของปี 2567 ซึ่งจะทำให้สามารถเริ่มจำหน่าย SAF ได้ในไตรมาสแรกของปี 2568 และ OR มีความมั่นใจในความสามารถที่จะให้บริการด้านการจำหน่าย การจัดส่ง และรองรับเทคโนโลยีเชื้อเพลิงอากาศยาน โดย OR และ บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ GC ร่วมพัฒนานวัตกรรมผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยีที่ยั่งยืนสำหรับการผสม SAF โดยนำกระบวนการ Co – Processing ของ GC มาใช้ในอุตสาหกรรมการบินเป็นครั้งแรก เพื่อรองรับนโยบายการบังคับใช้ SAF ของประเทศไทย ซึ่งจะทำให้ความต้องการเพิ่มสูงขึ้น ด้วยระบบโลจิสติกส์ที่แข็งแกร่งของ OR ที่ครอบคลุมการจัดจำหน่ายเชื้อเพลิงอากาศยานทั่วประเทศ OR จึงมั่นใจในการจัดส่ง SAF ไปยังทุกภูมิภาคของประเทศไทย
นอกจากนี้ การใช้ SAF ในอุตสาหกรรมการบิน ยังเป็นอีกวิธีการหนึ่งที่จะช่วยให้สายการบินสามารถบรรลุเป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกภาคการบินระหว่างประเทศตามข้อบังคับของ ICAO ในอนาคต และสอดคล้องกับนโยบายการเป็น Energy Solution Provider ของ OR ตลอดจนสอดคล้องกับแนวทาง OR SDG ในด้าน “G” หรือ “GREEN” ที่มุ่งลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่ครอบคลุมตลอดทั้งการดำเนินธุรกิจ และเพิ่มสัดส่วนการใช้พลังงานสะอาด สร้างสิ่งแวดล้อมที่อุดมสมบูรณ์ (Healthy Environment) เพื่อสนับสนุนการบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ หรือ Net Zero ภายในปี พ.ศ.2608 รวมทั้งสร้างความยั่งยืนทางพลังงาน และส่งเสริมภาพลักษณ์ที่ดีของประเทศไทยอีกด้วย นายทรงพล กล่าวเสริมในตอนท้าย