SCB EIC เตรียมทบทวนประมาณการเศรษฐกิจไทยใหม่ หลังสหรัฐฯ เก็บภาษีไทยต่ำกว่าคาด ล่าสุดประเมินเศรษฐกิจไทยปี 68 โต 1.5% 

ดร.ฐิติมา ชูเชิด ผู้อำนวยการอาวุโส ผู้บริหารฝ่ายวิจัยเศรษฐกิจมหภาค SCB EIC ธนาคารไทยพาณิชย์  เปิดเผยว่า การประกาศอัตราภาษีนำเข้าใหม่ของสหรัฐฯ เป็นความชัดเจน ทำให้บรรยากาศเศรษฐกิจโลกผ่อนคลายมากขึ้น ค่าเฉลี่ยภาษีตอบโต้คู่ค้าสหรัฐฯ ทั่วโลกและเอเชียลดลงมาเหลือ 14% และ 17% ต่ำกว่าภาษีตอบโต้ไทยที่ 19% ซึ่งปรับลดลงจากเพดานที่สหรัฐฯ ตั้งไว้ 36% สอดคล้องกับหลายประเทศในอาเซียน ช่วยให้ไทยยังคงความสามารถในการแข่งขันด้านราคาในตลาดสหรัฐฯ ได้ แต่ไทยยังคงมีความท้าทายในสินค้าบางประเภทที่เม็กซิโกเป็นคู่แข่งสำคัญในตลาดสหรัฐฯ ได้รับยกเว้นภาษีตามข้อตกลง USMCA รวมถึงความท้าทายที่ผู้ส่งออกไทยต้องเร่งปรับตัวเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและเชื่อมโยงห่วงโซ่อุปทานในประเทศให้มากขึ้นเพื่อแก้ปัญหาสินค้าสวมสิทธิ (Transshipment) ที่จะอาจถูกสหรัฐฯ เก็บภาษีอัตราสูงถึง 40% นอกจากนี้ อัตราภาษีไทยที่ต่ำลงนี้แลกมาด้วยข้อเสนอเปิดตลาดลดอัตราภาษี 0% สำหรับสินค้าสหรัฐฯ กว่า 10,000 รายการ หรือราว 90% ของรายการสินค้าทั้งหมด ส่วนใหญ่เป็นสินค้าที่ไทยไม่ได้ผลิตเอง หรือผลิตได้ไม่พอกับความต้องการ สินค้าเกษตรบางรายการจะเปิดตลาดอย่างค่อยเป็นค่อยไปหรือกำหนดโควต้าช่วยลดผลกระทบต่อผู้ผลิตในประเทศในระยะสั้น ขณะที่ต้องจับตาการเจรจาการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐฯ ที่ยังอยู่ในช่วงข้อตกลงลดภาษีตอบโต้กันชั่วคราว เนื่องจากจีนเป็นอีกหนึ่งคู่แข่งสำคัญของไทยในตลาดสหรัฐฯ

โดย SCB EIC อยู่ระหว่างการทบทวนประมาณการเศรษฐกิจไทยใหม่ หลังสหรัฐฯ เก็บภาษีไทยต่ำกว่าสมมติฐานที่ใช้คาดการณ์ในเดือน มิ.ย. 2568 ล่าสุดประเมินว่าเศรษฐกิจไทยปี 2568 และปี 2569 จะขยายตัวสูงขึ้นบ้างจากมุมมองเดิมที่ 1.5% และ 1.4% ตามลำดับ ในภาพรวมทิศทางเศรษฐกิจไทยปีหน้าจะยังคงเติบโตต่ำและชะลอลงกว่าปีนี้ สาเหตุจากการส่งออกไทยจะต้องปรับตัวและเผชิญการแข่งขันสูงขึ้นในตลาดสหรัฐฯ และตลาดโลก อีกทั้งเครื่องยนต์สำคัญของเศรษฐกิจหลายตัวแผ่วลง เช่น ภาคท่องเที่ยว การบริโภค ขณะที่เศรษฐกิจไทยมีความเสี่ยงเข้ามาหลายทาง ทั้งความเสี่ยงจากนอกบ้าน ในบ้าน และข้างบ้าน ภาพแนวโน้มเศรษฐกิจไทยที่ชะลอตัวลงมากเช่นนี้ยังต้องอาศัยนโยบายการเงินผ่อนคลายมากขึ้นและนโยบายการคลังช่วยกระตุ้น โดยช่วงที่เหลือของปีนี้จะมีการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) อีก 3 ครั้ง และจะมีผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) คนใหม่ ทำให้คาดว่า อาจเห็นการตัดสินลดดอกเบี้ยนโยบายผ่อนคลายนโยบายการเงินมากขึ้นอีก  2 ครั้ง รวม 50 bps อัตราดอกเบี้ยนโยบาย ณ สิ้นปีจะไปอยู่ที่ 1.25% ในส่วนของค่าเงินบาทอ่อนค่าในช่วงสั้นจากปัจจัยขัดแย้งกับกัมพูชา แต่คาดว่าภายในสิ้นปีนี้เงินบาทจะกลับมาแข็งค่าขึ้นได้จากแนวโน้มธนาคารกลางสหรัฐฯ ลดดอกเบี้ย และความมั่นใจของนักลงทุนต่างชาติที่จะกลับมาลงทุนในไทยมากขึ้นหลังเห็นความชัดเจนของภาษีตอบโต้สหรัฐฯ ในอัตราใกล้เคียงภูมิภาค

สำหรับโอกาสของธุรกิจไทยจากภาษีใหม่ของสหรัฐฯ SCB EIC มองว่า โดยรวมมีทั้งปัจจัยที่ดูดีขึ้นและปัจจัยที่ยังต้องระมัดระวัง โอกาสอยู่ในกลุ่มสินค้าที่เคยกังวลว่าจะสูญเสียความสามารถในการแข่งขันด้านราคาในตลาดสหรัฐฯ เช่น กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ ยานยนต์และชิ้นส่วน ขณะเดียวกันสินค้าส่งออกหลายกลุ่มก็อาจเสี่ยงเข้าข่ายสินค้าสวมสิทธิที่สหรัฐฯ จะเก็บภาษีเพิ่มถึง 40% ได้เช่นกันหากไม่เร่งปรับตัวเพิ่มห่วงโซ่อุปทานในประเทศและเพิ่มความสามารถในการแข่งขันในตลาดโลก โอกาสของธุรกิจไทยอีกกลุ่ม คือ กลุ่มสินค้าที่ชูจุดแข็งในประเทศสร้างมูลค่าและศักยภาพในการแข่งขัน เช่น อาหารแปรรูป เวลเนส และบรรจุภัณฑ์ นอกจากนี้ ธุรกิจไทยอาจต้องระมัดระวังผลกระทบจากการเปิดให้นำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ มากขึ้นเพื่อลดการเกินดุลการค้ากับสหรัฐฯ ในช่วงข้างหน้า

ติดตาม BTimes ได้ตามช่องทางข้างล่างนี้
Latest Posts

Related Articles