SCB EIC ชี้ส่งออก ธ.ค. ยังโตเร่งขึ้น 8.7% ต่อเนื่อง 6 เดือนติด สูงกว่าคาด ปีนี้ยังแนวโน้มดี ต้องเกาะติดหลายปัจจัยเสี่ยง

SCB EIC ชี้ ส่งออก ธ.ค. ยังโตเร่งขึ้น 8.7% ต่อเนื่อง 6 เดือนติด สูงกว่าคาด ปีนี้ยังแนวโน้มดี ต้องเกาะติดหลายปัจจัยเสี่ยง

ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ SCB EIC เปิดเผยบทวิเคราะห์ เรื่อง ส่งออก ธ.ค. แรงยังดี หวั่นสงครามการค้ากระทบครึ่งหลังปี 2025 โดยพบว่ามูลค่าส่งออกสินค้าไทยเดือน ธ.ค. 2024 โตเร่งขึ้น 8.7% เร่งขึ้นจาก 8.2% ในเดือนก่อนหน้า ขยายตัว 6 เดือนต่อเนื่อง มูลค่าการส่งออกสินค้าไทยเดือน ธ.ค. 2024 อยู่ที่ 24,765.9 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (เทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน)สูงกว่าคาดการณ์ (SCB EIC ประเมินไว้ 7.1% ขณะที่ Reuter Poll มีค่ากลางของการคาดการณ์ 8.1%) หากไม่รวมทองคำจะขยายตัวใกล้เคียงเดิมที่ 8.7%

สำหรับภาพรวมส่งออกไทยเดือน ธ.ค. ดีต่อเนื่อง โดยทรงตัวจากเดือนก่อนแบบปรับฤดูกาล (0% MOM_SA) ส่วนหนึ่งเป็นผลจาก การเร่งส่งออกจากความกังวลด้านมาตรการกีดกันการค้าของประธานาธิบดีทรัมป์ของสหรัฐฯ และคู่ค้า อานิสงส์วัฏจักรขาขึ้นของสินค้ากลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ โดยเฉพาะการเปลี่ยนคอมพิวเตอร์ และ การส่งออกทองคำยังขยายตัวสูง 7.2% แม้ชะลอลงมาก ผลจากราคาทองคำอยู่ในระดับสูงและความต้องการสะสมทองคำเพื่อรองรับจากความเสี่ยงภูมิรัฐศาสตร์ที่เพิ่มขึ้น

ส่งออกเดือน ธ.ค. โตดีเกือบทุกหมวด ยกเว้นแร่และเชื้อเพลิงที่ยังคงหดตัวมาก หากพิจารณารายหมวด พบว่าสินค้าอุตสาหกรรมขยายตัวต่อเนื่องติดต่อกัน 9 เดือนที่ 11.1% สูงกว่าเดือนก่อนที่ 9.5% โดยเฉพาะอัญมณีและเครื่องประดับหักทอง เครื่องจักรกลและส่วนประกอบของเครื่องจักรกล เครื่องปรับอากาศ ผลิตภัณฑ์ยาง และทองคำยังไม่ขึ้นรูป , สินค้าเกษตรขยายตัว 10.7% เร่งขึ้นมากจากเดือนก่อนหน้าที่ 4.1% ซึ่งเป็นการขยายตัวต่อเนื่อง 6 เดือน , สินค้าอุตสาหกรรมการเกษตรขยายตัวชะลอลงเล็กน้อย 6.7% จาก 7.7% ในเดือนก่อน และสินค้าแร่และเชื้อเพลิงหดตัวแรง -32.0% จาก -7.1% ในเดือนก่อน ตามการส่งออกน้ำมันสำเร็จรูปที่หดตัว

การส่งออกขยายตัวสูงในหลายตลาดหลัก โดยเฉพาะสหรัฐฯ จีน ยุโรป และอินเดีย หากพิจารณารายตลาดหลักการส่งออกไทยทั้งปี 2024 โตดีกว่าคาดอยู่ที่ 5.4% โดยเฉพาะช่วงครึ่งปีหลัง

ภาพรวมมูลค่าการส่งออกไทยในปี 2024 อยู่ที่ 300,529.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัว 5.4% ปรับดีขึ้นมากจากที่เคยหดตัว -0.8% ในปี 2023 (ตัวเลขระบบศุลกากร) โดยในช่วงไตรมาสแรกมูลค่าการส่งออกหดตัวเล็กน้อย -0.3% แต่พลิกกลับมาขยายตัว 4.3% ในไตรมาสที่ 2 ตามเศรษฐกิจโลกที่ฟื้นตัว วัฏจักรดอกเบี้ยขาลงของประเทศสำคัญทั่วโลก ระดับน้ำในคลองปานามากลับมาเป็นปกติส่งผลให้การขนส่งสินค้าดำเนินการได้ปกติขึ้น และราคาสินค้าส่งออกที่ดีในหลายกลุ่มสินค้า เช่น ราคาสินค้าเกษตรที่เพิ่มขึ้นตามปริมาณผลผลิตในตลาดโลกที่ลดลงจากภัยแล้งและนโยบายควบคุมการส่งออกสินค้าในบางประเทศ เช่น ข้าว ผลไม้สด แช่เย็น แช่แข็งและแห้ง ส่งผลให้ช่วงครึ่งแรกของปีมูลค่าการส่งออกขยายตัว 1.9% ขณะที่มูลค่าการส่งออกของไทยในช่วงครึ่งหลังของปีขยายตัวดีมากที่ 9% (7.5% และ 10.5%ในไตรมาสที่ 3 และ 4 ตามลำดับ) จากการส่งออกทองคำสูงขึ้นมาก อานิสงส์วัฏจักรขาขึ้นของสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ และอุปสงค์ต่างประเทศเริ่มเร่งตัวจากความกังวลประเทศต่างๆ โดยเฉพาะสหรัฐฯ ที่อาจเก็บภาษีนำเข้าเพิ่มในปี 2025 ประกอบกับปัจจัยฐานต่ำในไตรมาสสุดท้าย

ช่วงตลอดปี 2024 การส่งออกไทยได้แรงขับเคลื่อนจากสินค้าทุกหมวด ยกเว้นแร่และเชื้อเพลิง โดยหมวดสินค้าเกษตรขยายตัวดีที่สุด รองมาเป็นสินค้าอุตสาหกรรม และสินค้าอุตสาหกรรมเกษตร

การนำเข้าเดือน ธ.ค. เร่งตัวสูงตามคาดจากฐานต่ำ แต่ดุลการค้าขาดดุลน้อยสุดในรอบ 3 เดือน มูลค่าการนำเข้าสินค้าไทยเดือน ธ.ค. อยู่ที่ 24,776.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เร่งขึ้น 14.9% (SCB EIC ประเมินไว้ 14.8% ขณะที่ Reuter Poll มีค่ากลางของการคาดการณ์ 13.7%) เทียบกับ 0.9% ในเดือนก่อน มูลค่าการนำเข้าขยายตัวต่อเนื่อง 6 เดือน โดยการนำเข้าอาวุธและยุทธปัจจัย สินค้าทุน สินค้าวัตถุดิบและกึ่งสำเร็จรูป สินค้าอุปโภคบริโภค ขยายตัว 46.8%, 33.5%, 20.4% และ 13.3% ตามลำดับ อย่างไรก็ตาม ยานพาหนะและอุปกรณ์ขนส่ง สินค้าเชื้อเพลิง และสินค้าทุนหดตัวต่อเนื่องที่ -21.3% และ -9.3% ตามลำดับ ภาพรวมมูลค่าการนำเข้าทั้งปี 2024 ขยายตัว 6.3% หลังจากที่หดตัว -4.2% ในปี 2023 สำหรับดุลการค้าในระบบศุลกากรเดือน ธ.ค. ขาดดุลเล็กน้อย -10.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่งผลให้ภาพรวมดุลการค้าไทยทั้งปี 2024 ขาดดุล -6,280.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ตัวเลขระบบศุลกากร)

ในช่วงต้นปี 2025 การส่งออกมีแนวโน้มโตดีต่อเนื่อง แต่ครึ่งปีหลังมีปัจจัยกดดันสูง การส่งออกไทยในช่วงต้นปี 2025 จะยังมีแนวโน้มขยายตัวดีต่อเนื่อง จากแนวโน้มการเร่งสั่งซื้อสินค้าของประเทศคู่ค้าก่อนนโยบายกีดกันการค้าของสหรัฐฯ ประกอบกับปัจจัยฐานที่ไม่สูงนัก นอกจากนี้ ยังมีอานิสงส์เพิ่มเติมจากวัฏจักรสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ขาขึ้นที่ยังมีอยู่บ้างแม้ต้องระวังความเสี่ยงจากนโยบายการค้าสหรัฐฯ และราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้นในช่วงต้นปี 2025 จากอากาศที่หนาวมากกว่าคาด ซึ่งจะส่งผลให้ราคาสินค้าส่งออกกลุ่มน้ำมันและกลุ่มที่เกี่ยวเนื่องกับน้ำมันเพิ่มขึ้น เช่น พลาสติกและปิโตรเคมี อย่างไรก็ดี ในระยะถัดไปราคาน้ำมันมีแนวโน้มได้รับผลกระทบทางลบจากนโยบายเพิ่มการขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐฯ

อย่างไรก็ดี แรงกดดันการส่งออกของไทยในช่วงครึ่งหลังของปีนี้จะเพิ่มสูงขึ้นมากจาก

(1) เศรษฐกิจโลกที่มีแนวโน้มขยายตัวชะลอลงเป็น 2.5% ในปี 2025 จาก 2.7% ในปี 2024 จากทั้งผลของนโยบายกีดกันการค้า การลงทุน และการเคลื่อนย้ายพรมแดนที่จะเกิดขึ้นในหลายประเทศทั่วโลก นอกจากนี้ หลายเศรษฐกิจคู่ค้าสำคัญยังเผชิญกับปัญหาภายใน เช่น จีนที่เผชิญปัญหาเชิงโครงสร้างหลากหลายด้าน ยุโรปที่เผชิญการสูญเสียความสามารถในการแข่งขันและปัญหาการเมืองในฝรั่งเศสและเยอรมนี เป็นต้น
(2) บรรยากาศการค้าระหว่างประเทศมีแนวโน้มชะลอตัวลงในช่วงครึ่งหลังของปี 2025 จากผลกระทบนโยบายกีดกันการค้าในหลายประเทศ โดยเฉพาะสหรัฐฯ รวมถึงผลจากการเร่งส่งออกในช่วงปลายปี 2024 และต้นปี 2025
(3) ความต้องการสินค้าขั้นกลางที่ไทยส่งออกไปจีนเพื่อผลิตเป็นสินค้าขั้นปลายอาจชะลอตัว โดยเฉพาะกลุ่มสินค้าขั้นปลายที่จีนส่งออกไปตลาดสหรัฐฯ และปัญหาจีนผลิตล้นตลาด (China’s overcapacity) มีแนวโน้มรุนแรงขึ้นในตลาดโลก กดดันความสามารถการแข่งขันของสินค้าไทยในการส่งออก
และ (4) ปัจจัยฐานสูงในปี 2024 ที่ขยายตัวมากกว่า 5%

ทั้งนี้ SCB EIC ประเมินมุมมองการส่งออกไทยปี 2025 (ณ พ.ย. 2024) ที่ 2% (ข้อมูลระบบดุลการชำระเงิน) โดย SCB EIC อยู่ระหว่างการประเมินแนวโน้มการส่งออกไทยในปี 2025 ใหม่และเผยแพร่ในเดือน ก.พ.

ติดตาม BTimes ได้ตามช่องทางข้างล่างนี้
Latest Posts

Related Articles